ปลายสุดถนนพัฒนาการ ๖๕ ยังมีหมู่บ้านทิ้งรกร้าง สมัยที่ยังไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน |
หากท่านผู้อ่านบางท่านได้ติดตาม เรื่องเล่า...มาบ้างแล้ว คงจะเคยเห็นภาพประสบการณ์การเรียนรู้ที่บ้านของเด็กๆกับพ่อแม่ เริ่มตั้งแต่ความสนใจหนอนผีเสื้อของดลตอนวัย เจ็ดขวบ
เริ่มต้นเรื่องที่ต้นส้มจี๊ดหน้าบ้านและพากันโยงใยไปถึงผีเสื้อหลากหลายชนิด "แมลงปอ"ก็เช่นกันเราเริ่มต้นความสนใจอยู่ตรงที่ทุ่งรกร้างหลังบ้านที่มีแหล่งน้ำขังเป็นตัวหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตน้อยใหญ่ให้อยู่รอด
เรามีโอกาศได้ไปเก็บเกี่ยวเรียนรู้กันทุกๆวัน ค่อยๆสะสมแรงบันดาลใจให้มีมากพอจนเกิดความต่อเนื่องและโยงใยความอยากรู้อยากเห็นให้ขยายขอบเขตออกไปไม่สิ้นสุดมาจนถึงตอนโต
แม้จะกลับเข้าสู่ระบบไปโรงเรียนกันหมดแล้ว ก็ยังโหยหาเวลาอิสระกลับเข้าสู่โลกธรรมชาติในช่วงเวลาวันหยุดและปิดเทอมอยู่เสมอ
ดลกำลังปั่นจักรยานลัดเลาะมาถึงทางรถไฟและคูน้ำ |
แมลงปอตอนเริ่มต้น
จากเส้นทางปั่นจักรยานที่พ่อพาเด็กสองคนปั่นกันเป็นประจำ
ไปจนสุดทางถนนของหมู่บ้านร้าง ลัดเลาะต้นมะขามเทศออกไปเจอทางรถไฟสายตะวันออก สภาพแวดล้อมแถวนี้ ถึงแม้จะมีซากปรักหักพังจากการสร้างไม่เสร็จของโครงการบ้านจัดสรรที่ทิ้งเหลือไว้ประกอบทิวทัศน์ มีกองขยะประปรายตามสุดทางถนนคอนกรีต แต่ก็ยังเป็นห้องเรียนธรรมชาติให้เด็กสองคนเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ตรงข้างทางรถไฟเลียบยาวไปสุดลูกหูลูกตานี้เอง มีคูน้ำวิ่งคู่ขนานไปเจอกับคลองเล็กๆข้างหน้าไกลออกไป
มีกอต้นธูปขึ้นอยู่ในคูน้ำเป็นหย่อมๆ เราค่อยๆปั่นลัดเลาะมาตามแนวทางเดินที่ไม่ค่อยมีคนผ่านสัญจรมากนัก
นอกจากฝูงวัวที่ยังมีคนเลี้ยงอยู่แถวนี้ ไมยราพยักษ์จึงขึ้นรกชันทั้งสองข้างทางจนมาถึงบริเวณข้างทางรถไฟ สังเกตเห็นคูน้ำถูกขุดลอกสูงขึ้นมาด้วยกองดินตลอดแนวแปลกตาไปจากเดิม ดลเห็นแมลงปอบ้านบินวนเวียนตามแนวคูน้ำเลยแวะจอดลงสำรวจก่อนใคร
ต้องค่อยๆไต่ลงไปริมคูน้ำ ส่วนพ่อและแดนตามไปสมทบ
![]() |
ดลลงสำรวจคูน้ำข้างทางรถไฟ แหล่งอาศัยสรรพชีวิตมากมาย ไม่เฉพาะแค่ตัวอ่อนแมลงปอ |
“พ่อแมลงปอ.....นี่อยู่นี่ไง” ดลตะโกนบอกพ่อพลางชี้มือไปที่ผิวน้ำตรงหน้า นับว่าเป็นภาพประทับสำคัญครั้งแรกสำหรับการทำความรู้จักแมลงปอเพราะไม่ห่างไปจากจุดนี้เราได้พบกับเปลือกลอกคราบของแมลงปอเกาะคาอยู่บนใบต้นธูปริมคูน้ำ
ดลมักเจอแมลงปออยู่บ่อยๆตามริมบึงหลังบ้าน หรือแม้กระทั่งแถวแหล่งน้ำขังตามท้องถนนก็เคยเจอ
ด้วยความสงสัยว่ามันชอบมาบินวนเวียนอยู่ทำไม ดลเฝ้าสังเกตุดูอยู่นานๆหลายหน แมลงปอจะบินเอาปลายหางจุ่มลงไปตามผิวน้ำเป็นจังหวะๆ
มันจะหาแหล่งน้ำที่เหมาะสมสำหรับการวางไข่ แมลงปอวางไข่ในน้ำเป็นเรื่องราวที่เราค้นเจอ
และที่น่าตื่นเต้นยิ่งไปกว่านั้นแมลงปอคือแมลงนักล่าหรือตัวห้ำนี่แหละ ตัวอ่อนแมลงปอจึงกินสัตว์เล็กในน้ำ
พอบินได้มันสามารถไล่จับงับแมลงกินกลางอากาศ ถ้าอยากเห็นแมลงปอให้ลองออกมาวิ่งเล่นนอกบ้านเจอแอ่งน้ำหรือตามริมบึงรับรองเจอบินวนเวียนอยู่แน่นอน
โดยเฉพาะเวลาหลังฝนตกตามบริเวณแหล่งน้ำทุกหนแห่ง สำคัญตรงที่ดลและแดนยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์ตอนแมลงปอไล่งับแมลงกลางอากาศตามคำบอกเล่าเลยสักครั้ง
แมลงปอตัวสำคัญลอยกางปีกอยู่บนผิวน้ำ |
เปลือกตัวอ่อนแมลงปอที่ไต่ใบต้นธูปขึ้นมาลอกคราบเป็นแมลงปอตัวเต็มวัย |
แต่ก็นับว่าเป็นต้นทุนในการทำความรู้จักแมลงปออย่างจริงจังในเวลาต่อมากับน้าเกรียงและเพื่อนๆ
โดยเริ่มต้นจากเส้นทางเดิมๆและพื้นที่ที่คุ้นเคยคือทุ่งหลังบ้าน ดลเคยทำตำแหน่งแผนที่บ้านของเราและละแวกแถวนั้นรวมถึงแหล่งน้ำสำคัญเอาไว้
เป็นเส้นทางปั่นจักรยานสำหรับพาเพื่อนไปสำรวจกัน มาย้อนคิดดูหากพลาดโอกาสสำคัญนี้ไป เราเกือบจะไม่รู้เลยว่ามีวงจรชีวิตที่มหัศจรรย์อีกมากมายอาศัยอยู่ทุกหนแห่งในธรรมชาติ
ผมถือว่าเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่ง สำหรับประสบการณ์การเรียนรู้ในห้องเรียนธรรมชาติของดลและแดน
ถึงแม้ว่าความใผ่ฝันของเด็กสองคนนี้และผมไม่สามารถเป็นจริงได้เสียทั้งหมด
ตัวอ่อนแมลงปอที่อาศัยอยู่ในน้ำเป็นนักล่าหากินสัตว์เล็กๆ |
ดลกับแดนกำลังเขียนแผนที่เส้นทางจักรยานและจุดสำรวจที่พบเจอตัวอ่อนแมลงปอ |
ตลกับคูน้ำข้างทางรถไฟสายตะวันออก |
ท้ายสุดจากเรื่องเล่า
เราเล่าเรื่องเพราะอยากแบ่งปันความรู้สึกและมุมมองของเด็กๆ ที่ผ่านประสบการณ์ในธรรมชาติ ซึ่งสำหรับเราแล้วถือเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่พ่อแม่อย่างเราเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของร่องรอยความคิดของเด็กๆที่ตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้
ได้สัมผัสกับศักยภาพในการถ่ายทอดและตอบสนองการเรียนรู้โดยธรรมชาติ ในมิติของธรรมชาติซึ่งต่อมาเรียกขานกันว่า
ห้องเรียนธรรมชาติ และโดยเฉพาะได้เห็นเป็นการละเล่นเรียนรู้ ของเด็กๆ ผ่านกระบวนการศิลปะที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ
การรวบรวมภาพบันทึกและเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง อาจจะยังไม่ครบหมดกระบวน แต่ก็ได้ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดที่ตรงนี้
ถือเป็นการตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในชีวิต และด้วยความพยายามที่จะเรียงลำดับ ความฝัน
และความจริง ให้ร้อยเรียงกันเป็นจังหวะที่คล้องจองกับสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่รอบตัวพร้อมๆไปกับลูกในช่วงชีวิตวัยเด็ก
เป็นคำบอกเล่าที่ย้ำเตือนถึงการให้เวลาและคุณค่ากับสิ่งที่จะเข้ามาและผ่านเลยไปในชีวิต มีกุญแจดอกสำคัญอยู่ตรงที่
“พลังและหัวใจ“ ที่จะสามารถเปิดประตูหน้าต่าง สู่โลกแห่งความเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน....แม้ว่าเราจะเคยจินตนาการไว้เช่นไรก็ตาม