วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

ถักทอใย...จากแมงมุมถึงนมแพะ

แมงมุมนุ่งซิ่น ชักใยกลม ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เจ็ดคด จ.สระบุรี

        Arachne สาวงามผู้มีฝีมือทอผ้าที่ล้ำเลิศสุดในปฐพี เกิดรู้สึกเหิมเกริมลืมตัว ไปท้าดวลลงสนามแข่งทอผ้ากับเทพ Athena โดยมีเทพเซอุสเป็นผู้ตัดสิน หากใครแพ้จะไม่สามารถใช้ฝีมือทอผ้า.ให้งดงามได้อีกต่อไป ผลตัดสินปรากฏว่าฝีมือทอของ Arache ยังด้อยกว่าเทพยิ่งนัก จึงเกิดความอับอายมากไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เทพ Athena เกิดเมตตาสงสารแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำสัญญาได้ จึงให้ไปใช้ร่างเป็นแมงมุมแปดขาและมีชีวิตอยู่เพื่อชักใยถักทอด้วยฝีมืออันสูงส่งอย่างมีความสุขตลอดไป
        Arachnida ถูกใช้เป็นชื่อชั้นของ แมงมุม รวมถึงแมงป่อง หมัดและเหา ซึ่งอยู่ในสิ่งมีชีวิตประเภทขาข้อปล้อง Phylum Arthopoda แมงมุมสิ่งมีชีวิตแปดขาที่สามารถผลิตเส้นใยและถักทอขึงเส้นใยในรูปแบบแตกต่างกันออกไป แมงมุมจึงมีเรื่องราวที่ดูเร้นลับซับซ้อนน่าศึกษาอยู่มาก คงเป็นเพราะตอนเด็กๆของชาวควบกล้ำฯ มักมองข้ามเรื่องราวสำคัญของแมงมุมไป

ใยแมงมุมใยกลม 

โครงสร้างเส้นใยที่ถูกออกแบบไว้ดักจับเหยื่อ

เส้นใยทรงกลมบาง จะเห็นได้ชัดกับหยดน้ำค้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก
เส้นใยมหัศจรรย์
          เส้นใยสีขาวที่เห็นเป็นหยักไย่ใยแมงมุมคอยดักจับฝุ่นในบ้านให้ดูเก่าและสกปรกมากขึ้นนั้นมีคุณสมบัติพิเศษสุดที่เราคาดไม่ถึง ทั้งความแข็งแรง เหนียวและยืดหยุ่นที่มีมากกว่าใยไหมธรรมชาติหรือเส้นใยสังเคราะห์ไนลอน คาร์บอน เหล็ก และเคฟล่าเมื่อได้ติดตามข้อมูลใยแมงมุมลึกเข้าไปอีก ก็รู้สึกทึ่งมากขึ้นไปอีกเส้นใยแมงมุมที่ขึงพาดไปมาเป็นข่ายใยในรูปแบบต่างๆ นั้น แมงมุมจะผลิตเส้นใยให้มีคุณสมบติในการทำหน้าที่แตกต่างกันในแต่ละตำแหน่งโครงสร้าง แต่ละต่อมเส้นใยทำหน้าที่ผลิตโปรตีนเพื่อสร้างเส้นใยชนิดต่างๆ ให้มีคุณสมบัติแตกต่างกันเช่น dragline silk เส้นโครงสร้างหลักของใยแมงมุม แข็งแรงและเหนียวมาก สำหรับทิ้งตัวลงมาจากที่สูง capture Silk เป็นเส้นใยที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก เอาไว้จับเหยื่อและส่งสัญญาณเมื่อเหยื่อติดกับ glue silk เส้นใยที่มีความเหนียวเหมือนกาว cocoon silk เส้นใยที่ใช้สร้างรังไหมเพื่อปกป้องไข่ นอกจากนี้ยังมีเส้นใยชั่วคราวไว้สำหรับไต่ตอนก่อสร้าง เส้นใยที่ใช้เชื่อมต่อกับจุดขึงเช่นกิ่งไม้ เส้นใยตาข่ายตรงจุดกลางทรงกลมและตะข่ายรังชั้นนอก และเส้นใยสำหรับห่อหุ้มไข่และเหยื่อกับรังชั้นใน

แมงมุมขนาดเล็กประมาณ 3-4 มม.พบที่กระจกหน้ารถยนตร์

แมงมุมหมาป่ากำลังลอกคราบเติบโตเปลี่ยนขนาด

คราบแมงมุมหมาป่า








คราบแมงมุมขนาดเล็ก
เมื่อมนุษย์ซุกซนกว่าแมงมุม
          ใยแมงมุมถูกผ่าแบ่งเจาะลึกโดยนักวิทย์เคมี พบว่าใยแมงมุมมีโครงสร้างโมเลกุลที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบในลักษณะผลึก เป็นส่วนที่ทำให้เส้นใยแข็งแรง และโครงสร้างในลักษณะบิดเกลียวขดคล้ายสปริงที่เรียกว่าเกลียวอัลฟ่า ทำให้เส้นใยมีความยืดหยุ่นได้มาก คุณสมบัติเชิงกลจึงมีทั้งความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูง จุดนี้เองทำให้เกิดโครงการวิจัยที่ต้องการนำเส้นใยแมงมุมมาประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ มากมายเช่น  เสื้อเกราะกันกระสุน เข็มขัดนิรภัยและร่มชูชีพที่เหนียวแข็งแรงและเบา ในวงการแพทย์ก็มีการวิจัยใยแมงมุมเพื่อทำไหมเย็บแผลที่สามารถสมานแผลและหดตัวได้ดีกว่า รวมถึงโครงการเอ็นเทียมจากใยแมงมุม แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่การผลิตใยแมงมุม ต้องใช้แมงมุมในปริมามหาศาล ซึ่งคาดว่าจะเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในธรรมชาติเพราะแมงมุมเองเป็นนักล่าที่คอยควบคุมปริมาณแมลงและสรรพชีวิตในระบบห่วงโซ่อาหารให้สมดุลย์ หากจะมีการทำฟาร์มเลี้ยงแมงมุมขนาดใหญ่ในระดับอุตสาหกรรมมันจะเกิดปัญหากินกันเองจนหมด

แม่แมงมุม (Peucetia latikae)กับลูกแมงมุม ลำห้วยโกรกอีดก จ.นครนายก

Golden silk orb-weaver spider (Nephila clavipes) female
CC BY-SA : Charlesjsharp-from Sharp Photography

Spider Goat : photo by Douglas Sprott (Flickr CC)

แพะแมงมุม Spider Goat
          ล่าสุด แรนดี เลวิส นักชีวะโมเลกุลจากมหาวิทยาลัยไวโอมิ่ง ได้นำยีนโปรตีนจากต่อมเส้นใยชนิด Dragline web ของแมงมุม Golden silk orb-weaver (Nephila clavipes) ตัวเมีย ไปใส่ในดีเอ็นเอของแพะตัวเมีย เพื่อเพาะพันธ์ุ"แพะดัดแปลงพันธุกรรม"ที่สามารถให้น้ำนมที่มีใยโปรตีนคล้ายใยแมงมุม ซึ่งคาดว่าจะนำไปผลิตเส้นใยคล้ายใยแมงมุมในระดับอุตสาหกรรมเพื่อตอบรับโครงการพัฒนาใยแมงมุม (ขณะนี้เขาสามารถเพาะพันธ์ุแพะแมงมุมได้สำเร็จแล้วถึงยี่สิบตัว) คาดว่าฟาร์ม"แพะแมงมุม"ขนาดใหญ่กำลังจะเป็นจริงในเร็วๆนี้

          ถ้ามันจะเป็นจริงขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มแมงมุมหรือฟาร์มแพะที่เขากำลังคาดหวัง สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะถูกทำหน้าที่ให้ผิดเพี้ยนไปจากระบบธรรมชาติ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในโลกอนาคต  คราวนี้ Arachne คงจะถูกสาปอีกครั้งให้ไปใช้ร่างบนแพะตัวเมียและคงจะไม่ได้ถักทอใยด้วยความงดงามอีกต่อไป

ภาพวาดแมงมุมระหว่างกัน ดลและพ่อ













วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

หยักไย่ ใยแมงมุม

หยักไย่หยดน้ำค้างที่แมงมุมชักใยไว้ตามใบหญ้ายามเช้า




แมงมุมหมาป่าสนาม รอจับเหยื่ออยู่หน้าโพรงใย

     ยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่หลายๆชีวิตตื่นขึ้นมาเพื่อรับแสงตะวัน หากสังเกตุตามพงหญ้า ที่ขึ้นประปรายตามข้างถนนหรือข้างทางเดิน เราจะได้เห็นประกายแสงสะท้อนดวงอาทิตย์ยามเช้าจากหยาดน้ำค้างที่เกาะเรียงตัวกันตามเส้นใยขาวบางละเอียด หากเป็นพื้นที่ชานเมืองหรือทุ่งรกร้างที่ปราศจากยาฆ่าหญ้าหรือสารเคมีรับรองว่าต้องพบเจอกับความงดงามในยามเช้าที่ว่านี้ และถ้าสำรวจตรวจตราอย่างละเอียดก็จะพบกับตัวการชักเส้นใยที่ขึงไปมาระหว่างใบและกิ่งก้าน สานกันเป็นแพมีช่องโพรงอยู่ด้านในเป็นที่หลบซ่อน คอยจับเหยื่อที่บินมาติดเส้นใยเหนียวเป็นอาหาร นักล่าแมลงคือฉายาของแมงมุม

 หยดน้ำรวมตัวกันบนเส้นใยแมงมุมบางๆ
ตั๊กแตนติดกับดักเส้นใยรอให้แมงมุมมาจัดการ

  แมงมุมนุ่งซิ่นตัวยังไม่โต กางขาคู่เป็นกากบาท

แมงมุมไม่ใช่แมลง
        ในการสำรวจธรรมชาติไปกับเด็กๆ มักมีความสับสน ไม่กระจ่างติดค้างคาอยู่บางเรื่อง มีคำถามตามหลัง "แมงมุม" ว่าทำไมไม่เรียกว่า"แมลงมุม" น้าเกรียงได้ให้ข้อสังเกตุอย่างง่ายๆ ถ้ามีแปดขาคือแมงมุมแน่ๆ แต่แมลงมีแค่หกขา ฉะนั้นเวลาเจอสิ่งมีชีวิตเล็กๆในธรรมชาติจึงต้องดูที่ขาก่อนเป็นอย่างแรก

  แมงมุมหมาป่าชนิดที่ไม่สร้างเส้นใยรอคอยไล่จับเหยื่อ
ดลกับน้าเกรียงสำรวจแมงมุมที่โกรกอีดก
  แมงมุมตาหกเหลี่ยมตัวเล็กๆตามใบหญ้าคา ไม่สร้างใย
        "แมงมุม" เป็นสัตว์ที่มีข้อปล้องในชั้นอะแรคนิดา (Arachnida)ชนิดเดียวกับ แมลงป่อง ตัวหมัดและเหา และ มีความสามารถพิเศษในการสร้างและชักใยเพื่อจับเหยื่อเป็นอาหาร แมงมุมจึงได้ชื่อว่านักล่าแมลงที่ไม่ใช่แมลง แมงมุมมีชนิดต่างๆทั่วโลกมากกว่า 40,000 ชนิด เท่าที่มีการสำรวจเจอมีชนิดที่เล็กที่สุดตั้งแต่ 0.4 มิลลิเมตรจนถึงชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาดถึง 25-33 เซนติเมตร แมงมุมเป็นกลุ่มตัวห้ำที่มีความสำคัญในการช่วยรักษาความสมดุลย์ของปริมาณแมลงศัตรูพืช จึงไม่น่าแปลกใจว่าแมงมุมจะอาศัยอยู่ทุกหนแห่งแม้กระทั่งในบ้าน ที่เราต้องกวาดหยักใย่ตามมุมเพดานห้องอยู่บ่อยๆนั้นแหละคือฝีมือของนักชักใยที่คอยดักจับแมลงในบ้านกินเป็นอาหาร ที่ไหนมีแมลงที่นั่นต้องมีแมงมุม  เพียงแต่นักล่าเหล่านี้มักหลบซ่อนต้วเก่ง เราจึงพบเห็นแต่หยักไย่ใยแมงมุมเกิดขึ้นเกือบทุกหนแห่ง แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบเจ้าตัวหลบซ่อนอยู่หรือบางทีอาจจะพบเหยื่อแมลงติดคาอยู่ด้วย
แมงมุมหมาป่าไลโคซ่าที่ลำห้วยโกรกอีดก อุ้มไข่กลมๆสีขาวไปด้วย
แมงมุมหลังหนามที่โกรกอีดก

แปดขามหัศจรรย์
        จากประสบการณ์สำรวจธรรมชาติกับเด็กๆและน้าเกรียง สังเกตได้ว่าเราพบเจอแมงมุมร่วมอยู่ด้วยทุกครั้งในการสำรวจธรรมชาติไม่ว่าจะหลังบ้าน รอบบ้าน หรือพื้นที่ธรรมชาติ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากเด็กๆเท่าที่ควร วันเวลาล่วงเลยจนมาถึงปัจจุบัน พบว่าแมงมุมมีเรื่องราวน่าสนใจอยู่มากมายในหลายมิติ  ไม่เฉพาะแต่ชื่อตามพื้นถิ่นและจำนวนชนิดที่มีผู้เชี่ยวชาญแมงมุมต่างกำลังสำรวจเก็บข้อมูลจำแนกชนิดกันอยู่ สืบค้นแมงมุมเข้าไปใกล้อีกนิดพบว่าแมงมุมเป็นสัตว์ที่มีดวงตาเดี่ยวอยู่ 6 ถึง 8 ดวง โดยเฉพาะในแมงมุมบางชนิดเช่นแมงมุมกระโดดซึ่งไม่ได้สร้างเส้นใยไว้ดักเหยื่อจึงต้องมีมุมมองที่มีประสิทธิภาพมาก แต่สำหรับแมงมุมสร้างใยจะมีต่อมสร้างเส้นใยที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันได้ถึง 7 ประเภทซึ่งสัมพันธ์กับการออกแบบขึงเส้นใยในรูปแบบต่างๆ ใยแมงมุมมีคุณสมบัติที่ยืดหยุ่นและแข็งแรงมากเป็นพิเศษ จึงมีนักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจวัสดุมหัศจรรย์เหล่านี้ ต่างจินตนาการไปถึงประโยชน์ใช้สอยร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง และมาถึงตอนที่มีข่าวของแมงมุมแม่ม่าย ทำให้รับรู้ได้ว่าเรากับแมงมุมต่างใช้ชีวิตสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก หากไม่ทำความรู้จักแมงมุมจะกลายเป็นสัตว์อันตรายไปทันที เพราะมีแมงมุมส่วนน้อยบางชนิดเท่านั้นที่มีพิษร้ายแรง นอกนั้นบางชนิดมีพิษอ่อนและบางชนิดไม่มีพิษ

แมงมุมใยกลมชนิดหนึ่ง


        การทำความรู้จักแมงมุม จึงเป็นอีกแรงบันดาลใจหนึ่งที่จะทำให้เราเข้าใจระบบนิเวศน์ที่อยู่ร่วมกันได้มากขึ้น คงต้องหาโอกาสชวนน้าเกรียงและนักวิจัยแมงมุม พาเราไปสำรวจแมงมุมในแง่มุมที่ยังไม่เคยรู้จักอีกมากมาย





ความรักกับนกเงือก

 โพรงรังนกกก บนต้นไม้สูงใหญ่ จากมุมมองระยะใกล

           ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เมื่อถึงวันที่ ๑๔ จะมีผู้คนให้ความสำคัญกับความรักกันทั่วโลก เป็นวาระในการแสดงความรักให้กันและกัน ซึ่งมีที่มาจากการระลึกถึงคุณความดี ความกล้าหาญและการเสียสละเพื่อความรักของนักบุญวาเลนไทน์ ผู้ซึ่งไม่ยอมเชื่อฟังจักรพรรดิ"คลอดิอุสที่ ๒"แห่งกรุงโรม ที่ออกกฏห้ามมิให้มีการแต่งงานเนื่องจากต้องการชายชาติทหารไปสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น จึงถูกลงโทษประหารตัดคอ เสียชีวิตลงในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ค..๒๗๐  ตั้งแต่นั้นมาวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์จึงถูกจัดให้มีไว้เตือนเราให้รู้จักมอบ ความรัก ความเสียสละและมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ให้กันและกัน  ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ ความหมายและความเข้าใจต่อความรัก จะมีวิวัฒนาการและถูกตีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ความรักก็ยังทำให้คนเรามีความอ่อนโยนและกล้าหาญพอที่จะให้โดยมิได้หวังสิ่งตอบแทน เป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทีถูกฝังไว้ในเส้นทางที่วิวัฒนาการมาร่วมกัน หากขยับมุมมองมาที่ประสบการณ์ศึกษาธรรมชาติกับเด็กๆ การได้สังเกตุปรากฏการณ์กับสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์นานาชนิดที่พบเจอ พฤติกรรมบางอย่างอาจตีความได้ว่าเป็นสัญชาติญาณการอยู่รอดของชีวิต แต่บางอย่างก็สามารถมองเห็นและรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนในพฤติกรรมสัมผัสซึ่งทำหน้าที่ตามระบบธรรมชาติ อันจะเห็นได้ชัดจากพฤติกรรมนกเงือก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในบทบาทนักปลูกป่า และตัวแทนบ่งชี้ป่าสมบูรณ์ที่เด็กๆชาวควบกลำ้ธรรมชาติได้ทำความรู้จักกันมาเป็นอย่างดี
ภาพเพ้นท์ติ้งนกกกโดยดลและแดน

วันรักนกเงือก
          โดยทั่วไปหากนกเงือกได้จับคู่อยู่ด้วยกันแล้ว ก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต พ่อแม่นกจะช่วยกันเลี้ยงลูก ตัวผู้คอยปกป้องดูแลตัวเมียและลูกน้อยในโพรงรังบนต้นไม้ใหญ่ ตลอดจนคอยหาอาหารมาป้อนลูกจนโตพอที่จะออกจากรังอย่างปลอดภัย นกเงือกจึงเป็นตัวแทนแห่งความรักที่ยั่งยืนและการให้ที่เสียสละอย่างแท้จริง มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก จึงกำหนดให้ทุกวันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันรักนกเงือกในประเทศไทย ก่อนที่จะถึงวันแห่งความรักหนึ่งวัน โดยที่มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือกจะจัดให้มีกิจกรรม รณรงค์งานอนุรักษ์นกเงือก ณ.คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประจำทุกปี

พ่อนกกกกำลังคาบผลลูกไทรย้อยสีแดงส้ม

เฝ้าดูนกกก
          จากประสบการณ์ตรงที่จดจำได้ดี เมื่อครั้งกลุ่มครอบครัวควบกล้ำฯได้มีโอกาศไปเฝ้าดูศึกษาพฤติกรรมนกกก(นกเงือกขนาดใหญ่) ในพื้นที่วิจัยของมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก ณ.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  "แม่นกกกเข้าไปอยู่ในโพรง ๕-๑๐ วัน มันจะไข่ หลังจากไข่ประมาณ ๔๕-๕๐ วัน ไข่จะฟัก เมื่อไข่ฟักตัวเมียคือแม่จะอยู่กับลูกในโพรงอีกหนึ่งเดือน ถึงตอนนี้แม่นกกกจะจิกปากโพรงออกมาช่วยพ่อหาอาหารไปเลี้ยงลูก ลูกนกกกปิดปากโพรงขังตัวอยู่ข้างในอีกหนึ่งเดือน" คือคำบอกเล่าจากอาอ็อด (พิทยา ช่วยเหลือ) หนึ่งในทีมวิจัยนกเงือก ก่อนที่จะพาเราไปเฝ้าสังเกตุการณ์บันทึกพฤติกรรมนกกกหน้าโพรงรัง  พ่อนกกกต้องทำงานหนักอยู่ถึงสามเดือนจากการบินหาอาหารมาป้อนให้แม่และลูก และอีกหนึ่งเดือนที่พ่อแม่ช่วยกันหาอาหารมาเลี้ยงลูก รวมเวลาที่พ่อแม่นกกกให้การฟูมฟักลูกนกอยู่นานถึง ๔ เดือน

 แม่หน่อยนั่งหลับ แม่จิ๋มกับจิโร่ และแม่อิงอ่านหนังสือ
แดนนอนรอคอยกับเคนอ่านการ์ตูนไปพลางๆ

          แม่อิง แม่กั้ง จิโร่และเคน....แม่จิ๋ม แม่หน่อยและเคน ....ธาม พ่อแม็ก และอาอ็อด เข้าไปอยู่ในซุ้มบังไพรอย่างเงียบเชียบเรียบร้อยก่อนหกโมงเช้า เราเริ่มเฝ้าสังเกตุบันทึกข้อมูลการป้อนอาหารของพ่อนกเงือก ตั้งแต่เวลาการป้อนลำดับครั้งในการป้อน และชนิดของอาหาร ต้องสังเกตุให้แน่ชัดว่าเป็นสัตว์หรือลูกไม้ชนิดใด แม่ๆหลายคนช่วยกันส่องกล้องสองตาและจดบันทึก แม่กั้งสรุปผลบันทึกเท่าที่สังเกตุได้จากการบินมาป้อนหนึ่งครั้งแรก ลูกไทรป้อนครั้งละ ๒ ลูก ถึง ๕๓ ครั้ง ครั้งละ ๒ ลูกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ลูก  มีลูกยางโอนลูกดำๆป้อนให้ ๒ ครั้ง มีหนอนกับแมลงอีก ๙ แถมด้วย ไข่อีก ๒ ฟองซึ่งเดายากว่าจะเป็นไข่ของใคร

 ไทรย้อย

      ตาเสือเหลือง




      
          "นกจะป้อนเยอะตอนตั้งแต่เช้าประมาณตีห้าถึงแปดโมง พอสายๆถึงบ่ายสองจะค่อยๆลดน้อยลง" อาอ็อดบอกเล่าข้อมูลระหว่างที่นั่งรอรอบต่อไปของการบินมาป้อนอีกครั้ง ในการหาอาหารทั้งลูกไม้ป่า โปรตีนสัตว์และการบิน เฉลี่ยแล้วครั้งละประมาณ ๒๐ นาทีถึงครึ่งชั่วโมง จากการสังเกตุการณ์อยู่ไม่ต่ำกว่า ๒ ชั่วโมง เราเฝ้ารอคอยและภาวนาให้พ่อนกหาอาหารมาพอเพียงต่อการเติบโตช่วงสุดท้ายก่อนที่จะออกบินสู่โลกอันกว้างใหญ่ สังเกตได้ว่าแม่นกกกออกจากโพรงรังมาแล้วเพราะได้เห็นนกกกทั้งพ่อและแม่ อยู่เคียงคู่ ไม่ห่างกัน



*ภาพวาดอาหารของนกเงือกโดยแม่หน่อย

          ภาระกิจอันน่าทึ่งเหล่านี้ เราไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้หากไม่ได้ตามไปดูสืบค้นหาด้วยตาตัวเอง ในมุมมองส่วนตัวก็เชื่อว่ามันมีบางสิ่งที่มากกว่าวิวัฒนาการของสัญชาติญาณเพื่อการอยู่รอด นกเงือกอาจจะไม่รู้จักนิยามแห่งความรัก แต่ภาระกิจของพ่อแม่นกเงือกนั้นกระทำคุณให้ไม่เฉพาะแค่ส่งต่อชีวิตและเผ่าพันธ์นกเงือก มันเป็นการโอบอุ้ม ดูแลและเยียวยา โลกทั้งใบไว้ด้วยความรักที่ไม่เคยหวังผลตอบแทน

จุดเริ่มต้นที่แคมป์บ้านกร่าง

ดลกับกล่องหนอนตอนเช้าตรู่

          บ้านกร่างแค้มป์เป็นจุดพักกางเต้นท์ สำหรับผู้ที่ต้องการมาสัมผัสธรรมชาติ ณ.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารแม่น้ำเพชรบุรีเหนือเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ด้วยสภาพป่าสมบูรณ์เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าที่ยังพบเห็นกันบ้างอาทิเช่น เลียงผา วัวแดง กระทิง ช้างป่าและแม้กระทั่งเสือ เป็นแหล่งดูนก ผีเสื้อและแมลงนานาชนิดที่สำคัญ ที่นักสำรวจธรรมชาติไม่ควรพลาด คือข้อมูลขั้นแรกที่พาให้เกิดแรงบันดาลใจไปท่องเที่ยวแบบสำรวจธรรมชาติกัน ด้วยระยะทางจากกรุงเทพถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานประมาณ 200 กม.และต่อไปถึงแคมป์บ้านกร่างอีก 35 กม.ใช้เวลาเดินทางรวมแล้วประมาณครึ่งวัน เป็นระยะทางที่พอเหมาะสำหรับครอบครัวพ่อแม่ลูกสี่คนพากันมาท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์

หน้าเต้นท์ยามค่ำคืน

กบทูดที่ดลพบเจอขุดโพรงอยู่ข้างเต้นท์
 นกแก้ก นกเงือกที่บินวนเวียนมาโชว์ตัว  

พี่ชายกับพี่แม็กพร้อมหนังสือคู่มือดูนกและผีเสื้อ ดล แม่หน่อยและแดน
เที่ยวธรรมชาติครั้งแรก
          ต้องขอย้อนเวลากลับไปไกลตอนที่ลูกชายสองคน ดลอายุ ๖ ขวบและแดนอายุ ๓ ขวบ เป็นวัยเริ่มแรกของการเรียนรู้ และสำหรับพ่อแม่ก็อาจต้องจะเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ในบางสิ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่ไมใช่เฉพาะแค่ลูกสองคนเท่านั้น แรกเริ่มที่เราหันกลับมาสนใจเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัวก็เพราะความเข้าใจในโลกธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอนาคต เราออกเดินทางตั้งแต่เช้ามาถึงศูนย์ที่ทำการอุทยาน แวะติดต่อเช็คอินข้อมูลแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติที่นี้ก่อนเป็นอย่างแรก โอกาศดีที่ได้เจอกับพี่แม็คนักนำทางรุ่นเยาว์ที่อาสาพาเราเดินศึกษาธรรมชาติที่บ้านกร่างกันในวันรุ่งขึ้น (พี่แม็กลูกชายลุงเหวียนเจ้าหน้าที่อุทยานที่ได้รับการฝึกหัดอบรมการสื่อสารนำทางธรรมชาติ ทั้งเรื่องดูนกและผีเสื้อ) เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อย กว่าเราจะมาถึงแค้มป์บ้านกร่างก็เย็นพอดี ที่ลานกลางเต้นท์เต็มไปด้วยเต้นท์หลากสีที่นักท่องเที่ยวจองพื้นที่ไว้หมดแล้ว  เราแทบจะถอยหลังกลับเพราะผู้คนมากมายในวันหยุดแออัดกันเต็มไปหมด แต่ก็โชคดีอีกครั้งที่ได้พบกับลุงเหวียนช่วยจัดการขอแทรกพื้นที่กางเต้นท์ข้างสนามและยืนยันว่าไม่เป็นไรเพราะส่วนใหญ่เค้าจะไม่เข้าป่ากันและพรุ่งนี้ก็จะทยอยกลับ ด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่ได้ฟังคำบอกเล่าบรรยายสรุปจากพี่แม็กซึ่งคาดว่าจะได้พบเจอสิ่งมหัศจรรย์ที่บ้านกร่างจนดลและแดนอ้าปากค้างไปเลย เพราะเรามีเป้าหมายสำคัญในวันรุ่งขึ้นรอคอยอยู่ จึงรีบช่วยกันจัดการกางเต้นท์ทำกับข้าวให้เสร็จทันก่อนจะค่ำมืด  จนถึงดึกดื่นคืนนั้นแม้จะมีเสียงร้องรำทำเพลงคลอไปกับเสียงธรรมชาติจากเต้นท์รอบๆ เด็กสองคนก็หลับสนิทด้วยอากาศที่เย็นสบายจนถึงเช้ามืดลุกขึ้นตื่นก่อนใครๆ

 ลูกอ็อดยักษ์เกือบเท่าฝ่ามือดล มีแดนดูอยู่ข้างๆ

ดลกำลังจับลูกอ็อดในน้ำ
ลูกอ็อดยักษ์กับนกเงือก
          ผมลองไล่เรียงลำดับประสบการณ์เรียนรู้ธรรมชาติของดลและแดน มักพบว่าในการทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตในแต่ละประสบการณ์มีจังหวะเวลาที่ถูกจัดเรียงไว้ให้เชื่อมโยงกันโดยตัวมันเอง ดลกับแดนตื่นแต่เช้าออกมาเดินดูพื้นที่รอบๆ สังเกตุเห็นหัวกบตัวโตตาแป๋วโผล่หัวออกมาจากโพรงดินข้างเต้นท์ ซึ่งดูแล้วไม่ใช่คางคกหรืออึ่งอ่างแน่ คาความสงสัยไว้จนมาได้คำตอบเมื่อตอนเดินลุยน้ำที่จุดลำธารสอง (จุดดูผีเสื้อที่มีถนนตัดผ่าน สามารถเดินตามลำห้วยไปโผล่ที่จุดลำธารหนึ่ง) พบเห็นฝูงลูกอ็อดว่ายน้ำแข่งกับปลา ดลลองจับขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นมันเป็นลูกอ้อดยักษ์ยาวเกือบเท่าฝ่ามือ ทำให้ดลนึกเชื่อมโยงกลับไปที่กบข้างเต้นท์ จนสุดท้ายได้คำตอบจากพี่แม็กคือลูกอ้อดกบทูดอาศัยอยู่ตามลำห้วยซึ่งไหลลงไปถึงด้านหลังของแค้มป์บ้านกร่างด้วย หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก่อนถึงเวลาหมายนัดกับพี่แม็ก ดลจัดการเตรียมกล่องหนอน เพื่อเดินสำรวจดูหนอนผีเสื้อแถวๆนั้น จุดสำคัญที่เราลืมคุยกันก่อนคือเรื่องของกฏระเบียบการอนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติ  คงไม่เหมือนกับที่หมู่บ้านผาสุกนึกอยากเก็บหนอนมาเลี้ยงที่บ้านก็ได้ตามสะดวก ณ.เวลานั้น ดลทำความเข้าใจได้ไม่ง่ายนักแต่ก็ตกลงกันได้โดยเพียงแค่ขอเก็บมาดูศึกษา ก่อนจะกลับก็ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ระหว่างเดินดูหาหนอนผีเสื้ิอไปรอบๆ บังเอิญมีนกเงือกบินวนเวียนมาเกาะอยู่ตามกิ่งต้นไม้แห้ง พยายามโชว์ตัวให้เห็นกันชัดๆในครั้งแรก เป็นการประทับรอยสำคัญให้ไว้กับเด็กสองคนตั้งแต่นั้น หารู้มั้ยว่าจะได้มีโอกาศรู้จักนกเงือกอย่างจริงจังในเวลาต่อมา

 ฝูงผีเสื้อที่ จุดลำธาร ๒
แมลงปอเข็มน้ำตกเขียว
 ไต่เชือกลงเนิน แดน ดลและแม่หน่อย

แมลงปอเข็มผสมพันธ์ที่ลำห้วย จุดลำธาร ๒
แมงย่องแย่งที่บ้านกร่าง

หมุดสำคัญสู่ประสบการณ์ใหม่
          พี่แม็กนำทางเราข้ามลำห้วยด้านหลังของลานกลางเต้นท์ เดินลัดเลาะขึ้นเนินสูงชันเข้าสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติในระยะสั้น ไปถึงทางออกที่จุดตัดริมถนนและเดินต่อไปจนถึงจุดลำธารสอง แหล่งผีเสื้อที่เต็มไปด้วยสีสันนานาชนิดต่างมารุมตอมริมลำห้วยและโขดหิน พี่แม็กจำแนกชื่อผีเสื้อชนิดต่างด้วยหนังสือคู่มือผีเสื้อของน้าเกรียง จากนั้นจึงพาเดินลุยน้ำไปตามลำห้วยที่มีสองฝั่งปกคลุมไปด้วยร่มไม้ใหญ่ ระหว่างทางพบข้างแว่นถิ่นใต้ที่พี่แม็กเล่าว่ามันชอบเกาะกระโดดข้ามหัวเราไปมาและฉี่ใส่ด้วยต้องระวัง โชคดีที่เราไม่เจอเหตุการณ์นี้ในวันนั้น จากลำห้วยที่บ้านกร่างจึงมีสิ่งมีชีวิตตัวสำคัญในครั้งแรกแปลงกายเป็นตัวละครซ่อนหาไปกับเด็กๆในทุกพื้นที่ธรรมชาติ เป็นอีกกระบวนหนึ่งที่จะทำความรู้จักธรรมชาติได้มากขึ้นด้วยตัวเอง  เราพบว่าแมลงย่องแย่งไม่ใช่แมงมุมจากที่พบในครั้งแรกไปจนถึงที่ลำห้วยโกรกอีดก  เราได้รู้จักแมลงปอน้ำตกเขียวเจ้าตัวที่ทำให้เรารู้ได้ว่ามีแหล่งน้ำสะอาดอยู่ เราไม่ได้เจอแค่แมลงปอเข็มที่เกาะเกี่ยวผสมพันธ์กัน แต่ได้เห็นมันวางไข่และมีตัวอ่อนเป็นนักล่าอยู่ในน้ำ เรามิได้รู้จักเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้จากประสบการณ์ครั้งแรก แต่มันได้รับการขยายผลจากจุดเริ่มต้นที่แค้มป์บ้านกร่าง และยังวนเวียนกลับมาเรียนรู้ธรรมชาติกันที่นี่อยู่เป็นประจำ เพราะธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่ ซับซ้อนและละเอียดอ่อนไม่รู้จบ