วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จุดจบหรือจุดบรรจบ (เก็บตก ๒๕๕๒)

ภาพถ่าย เสี้ยวเวลาที่มองไม่เห็น จุดเปลี่ยนเมื่อมีเหตุการณ์ดำเนินไป....﴾͡๏̯͡๏﴿


เช้าวันหนึ่งของช่วงเดือนพฤษภา ในวันที่ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน บรรยากาศช่างดูขมุกขมัว ดลแดนงัวเงียขึ้นมาสายพอควรสำหรับวันนี้  คงเพราะกลับจากหมู่บ้านเด็กเมื่อคืน....กว่าจะได้เข้านอนก็ปาเข้าไป ห้าทุ่ม แล้ว....แต่สำหรับผมไม่ว่าบรรยากาศจะเป็นเช่นใด  หลังจัดการกับเรื่องตัวเองเรียบร้อย ความคิดในหัวสมองก็มีแต่เรื่องที่จะเดินหน้าต่อไปสำหรับวิถีเรียนรู้ของครอบครัว  วันนี้พ่อเรียกดลแดนกลับมาดูกระดานช่วยจำ เกี่ยวกับงานคั่งค้างและงานที่อยากจะทำ  แต่บรรยากาศวันนี้โดยเฉพาะดล ไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ เมื่อเราคุยกันถึงงานบันทึกคั่งค้างที่ถูกถามถึง  นกที่กรุงชิงและแมลงที่เกาะช้าง  ซึ่งรู้สึกว่าจะไม่ได้คำตอบเสียด้วยเพราะเกินเวลามามากแล้ว   เราทบทวนทำความเข้าใจและย้ำเตือนเสมอถึงความรับผิดชอบและเมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น  พ่อเปลี่ยนเป็นเรื่องที่อยากจะทำ ดลอยากขุดบ่อดินเลี้ยงปลาดุก พ่อโอเค...ตกลง  แต่ต้องสอบถามรายละเอียดในหลายเรื่องมากขึ้น สุดท้ายบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีก 
                ทำไมพ่อต้องเข้ามายุ่ง ดลอยากทำอะไรเอง ลองผิดลองถูกอะไรเอง อย่างพ่อ...พ่อเคยทำมาแล้วอันไหนได้ไม่ได้พ่อก็รู้มาแล้ว แต่ดลอยากลองเองรู้เอง ดลอยากทำอะไรเองแบบที่พ่อไม่ยุ่งเลย”  ผมฟังแล้วคิดแต่ในใจรู้ว่า ดลต้องการอะไรในเด็กวัยย่างเข้าสิบเอ็ดแล้ว  เพราะบางครั้งที่เราเข้าไปแทรกแซงหรือเตือนไว้ก่อน ก็คงเป็นเรื่องอันตรายจากอุบัติเหตุหรือข้อผิดพลาดที่ส่งผลเสียมากกว่าผลดี  และนึกในใจอยากย้ำเตือนเรื่องการรับฟังผู้อื่น....แต่บรรยากาศยิ่งตึงขึ้นมาก เพราะจริงๆแล้วพ่อคงรู้สึกไปถึงทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา ลูกๆ  เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวในการเรียนรู้มากขึ้นแล้ว  เลยทบทวนกันเรื่องที่ผ่านมาและต่อไป  พ่อคิดว่าพ่อเข้าใจ  แต่ลึกๆไม่ทราบได้เพราะถ้าถามถึงตรงนี้คงกลายเป็นพ่อเข้าไปยุ่งตลอดหรือ ถ้างั้น……
                โอเค งั้น สำหรับ บ่อปลาดุก ดลอยากทำแบบไหนอย่างไร ได้เลย...พ่อไม่ยุ่ง
            “งั้น...ดลไม่ทำแล้ว
            “เฮ้ย...พี่ดล..ไม่ดีเลย....” ตัดพ้อ...แสดงความผิดหวัง แต่พ่อฟังอยู่เงียบๆ บรรยากาศยิ่งตึงเครียดมาก
                เอา..ยังงั้นแน่ใช่มั้ย พ่อถามเพราะรู้ว่าเป็นอาการงอนแบบนี้อยู่บ่อย หรือคราวนี้...
                ดลไม่มีความสุข....ยิ่งให้เขียนบันทึกด้วยแล้ว....ไปไหนมาแล้วต้องเขียนบันทึกดลไม่มีความสุข
ดลไม่ชอบเขียนบันทึก...แดนและพ่อมองหน้ากัน
แต่ความรู้สึกของพ่อตอนนั้น บอกไม่ถูก...... เหมือนความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่
งั้น....หมายความว่า บันทึกที่ผ่านมา ทั้งสามสี่เล่ม คือ ทุกข์ของดลเลยหรือ?
เออ.........พี่ดลนี่...แย่จริงๆ แดนสำทับ
ไม่มีคำตอบจากดล  และความเงียบกำลังครอบคลุมเราสามคน เพราะพ่อคิดว่าคงเป็นวาระสำคัญที่เราพ่อแม่ลูกสี่คนต้องคุยกันสำหรับเรื่องนี้
            เราหยุดการสนทนากันระหว่างสามคนเพราะรู้ว่าคงต้องให้เวลาผ่อนคลายบรรยากาศสักพัก พ่อให้ดลไปพักเสีย   แต่แดนคุยกันต่อเรื่องที่แดนอยากจะทำ จนถึงเวลาเลยเที่ยงไปหน่อย  เราชวนกันไปกิน ก๋วยเตี๋ยวหน้าบ้านแดนขออยู่กับแม่   ดลซ้อนท้ายจักรยานไปกับพ่อ ระหว่างกินก๋วยเตี๋ยว เราคุยกันเรื่องสนุกสนานอื่นๆ จนรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรวมเป็นปกติแล้ว พ่อเลยขอแย้มความในใจดลกันสองต่อสอง
                ดล....พ่อถามจริงๆ..เหอะ..ดลรู้สึกยังงั้นจริงๆหรือ... ผมขอถามแบบเปิดใจกับดล
                ไม่หรอกพ่อ....ดลโกรธพ่อ...ดลแค่พูดอยากให้พ่อเครียดบ้าง.... ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                ดล...รู้สึกไม่ค่อยดี.. คำพูดเปรยขึ้นมากลางความเงียบระหว่างเราสองคน
                ยังไงนะ...รู้สึกไม่ดี..เรื่องอะไร?” ผมถามด้วยความสงสัยว่าจะมีเรื่องอะไรโผล่ขึ้นมาจากภูเขาน้ำแข็งอีก
                ดลรู้สึกไม่ดีตรงที่ทุกอย่างมันมีที่สิ้นสุด
                หา.....มันเป็นยังไงนะ..ที่สิ้นสุดที่ว่าผมถามให้แน่ใจว่าคำพูดที่ออกมาจากดลจริงๆ
                เวลานั่งดูปลาในตู้ และดลรู้ว่าต่อไปมันจะต้องตายไป แต่ละตัวมันมีที่สิ้นสุด บางตัวตื่นเช้ามามันก็ตายแล้ว และคิดต่อไป....ทุกอย่างมันมีจุดสิ้นสุด ไม่มีอะไร อยู่ตลอดไป ...ดลเล่าด้วยเสียงเรียบๆหน้าตาเฉยเมย  แต่ผมเองนั่งฟังหูผึ่ง
                ใช่...ไม่มีอะไร จีรัง ยั่งยืน ถึงเวลาพ่อก็ตาย แม่ก็ตาย ลูกก็ตาย แดนก็ตาย  ตายจากกันหมดลูกผมรีบยืนยันความจริงที่ดลสัมผัสได้
                ดลเลยรู้สึกว่า จะทำอะไรไปทำไม...เลี้ยงปลา เลี้ยงหนอน เลี้ยงด้วง เขียนบันทึก ทำเครื่องร่อน ทุกอย่างก็มีวันสิ้นสุด
                ก็เพราะเหตุนี้ไง...เราถึงต้องไม่ปล่อยเวลาให้หลุดลอยไป เราต้องสร้างสรรค์สิ่งต่างๆไว้ให้แบ่งปันกันให้เยอะๆก่อนจะถึงจุดนั้นผมแย้งเสริมให้ดล และนึกเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ
                ดลคงมีอะไรหลายอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ด้วยใช่ไหม?  เช่น เมื่อเล่นกับเพื่อนๆแล้วต้องแยกย้ายกันกลับ อย่างเช่นเมื่อวานที่หมู่บ้านเด็กใช่ไหม? ดลพยักหน้า...
                ความสนุกมันก็มีจุดสิ้นสุดดลสำทับ
                มันเป็นความสุขที่ได้เล่นกับเพื่อน หมดครั้งนี้ก็มีครั้งหน้าอีกและมีเพื่อนใหม่สนุกไปแต่ละที่หลายๆแบบ  แต่ดลรู้มั้ย ว่ามันมีความสุข ที่ได้มาหลังจากความไม่สนุกด้วยนะ ถ้าเราค้นหาดูดีๆ ค่อยๆ คอยจับสังเกตตัวเราเองให้ดีๆ.......เพราะความสนุกกับความสุขมันอยู่คนละที่กัน แต่มันอยู่แนบชิดกันแทบจะทับซ้อนกันอยู่แนบเนียนมาก........

﴾͡๏̯͡๏﴿ เรื่องราว บันทึกนี้ เพิ่งมาเจอเอาตอนที่กำลังรวบรวมข้อมูลประสบการณ์เรียนรู้เก่าๆทั้งหมดของลูกในวัยเด็กๆ เพราะขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่วันรุ่นแล้ว.....มาเตะตาเอาตรงชื่อ จุดจบของดล .........จึงขอเปลี่ยนชื่อใหม่ สำหรับวิธีคิดในเชิงบวก  จุดบรรจบ เมื่อปมความคิดสำคัญหลายๆมิติมาบรรจบกัน มีบางสิ่งบางอย่างหายไป ว่างเปล่า คล้ายจุดบรรจบของสายตา Vanishing Point และสิ่งใหม่ๆกำลังจะเกิดขึ้น ให้เราเคลื่อนไปในสิ่งที่หายไป คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติครับ ﴾͡๏̯͡๏﴿

“A lesson is not learned unless something changed”

2 ความคิดเห็น:

  1. รู้สึกประทับใจมากครับพี่ เป็นบทสนทนาของลูกชายกับพ่อที่แสดงให้เห็นถึงความละเีอียดอ่อนของความสัมพันธ์ ยินดีด้วยกับความเข้าใจชีวิตอย่างที่เห็นตามจริงของดล เป็นอีกหนึ่งก้าวที่ทำให้คนเป็นพ่อแม่รู้สึกอุ่นใจ ลูกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอทั้งร่างกายและความคิด ขอบคุณที่แบ่งปันครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณที่ร่วมแบ่งปันเช่นกันครับ....บางครั้งความละเอียดอ่อนซ่อนความแข็งกร้าวที่เราไม่ทันรู้ตัว.....﴾͡๏̯͡๏﴿

    ตอบลบ