วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ถึงเขาใหญ่ อีกครั้ง

      เขาใหญ่ เป็นชื่อที่คุ้นหูสำหรับเด็กๆชาวครอบครัวควบกล้ำฯ  เป็นเสมือนห้องปฏิบัติการ เรียนรู้ธรรมชาติสำหรับครอบครัวบ้านเรียน (การจัดการศึกษาโดยครอบครัว) ในสมัยนั้น ทุกๆ เรื่องราวในห้องเรียนธรรมชาติเป็นที่น่าสนใจสำหรับเด็กๆ ถูกจัดเรียงวาระตามโอกาศที่เอื้ออำนวยให้ พร้อมทั้งจัดหาผู้รู้ทางด้านต่างๆในสาขาธรรมชาติวิทยา นำพาความรู้มาให้สัมผัสร่วมกันทั้งพ่อแม่และเด็ก เป็นประสบการณ์สำคัญของช่วงหนึ่งในชีวิต




อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์หลากหลายมากถึงขนาดที่ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ รวมถึง อุทยานฯปางสีดา ทับลาน ตาพระยา และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งรวมเรียกว่า "ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่" มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์ซึ่งกว้างขวางถึง ๖,๑๕๕ ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมไปถึง ๔ จังหวัด คือ นครราชสีมา ปราจีนบุรี นครนายก และสระบุรี   แต่พวกเราใช่จะมีโอกาศไปสำรวจมาทุกที่ แม้จะมีแนวเทือกเขาไม่สูงมากนักคือประมาณ ๑,๓๕๑ เมตร แต่เราก็ได้ขึ้นไปเพียงแค่ ๑,๐๐๐ เมตร ที่เขาใหญ่มีความหลากหลายลักษณะภูมิประเทศ ทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า หน้าผา ลำน้ำและน้ำตก ทำให้สรรพชีวิตหลากหลายเช่นกัน เขาใหญ่เป็นห้องเรียนธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและมีความน่าสนใจที่ซับซ้อนมากเกินพอ สำหรับช่วงเวลาเรียนรู้ในวัยเด็ก
 


แหล่งเรียนรู้ของโลก
          อาจฟังดูเป็นคำโต แต่เขาใหญ่มีพื้นที่ที่ทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับ สัตว์ป่าและพันธ์พืชที่สำคัญอยู่หลายโครงการ อาทิเช่น นกเงือก ชะนี ทากและไลเคน เป็นต้น พวกเราก็ได้อานิสงค์จากผู้ใหญ่ใจดีเหล่านี้ เปิดโลกมหัศจรรย์ให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะ ทีมวิจัยนกเงือก ที่ให้โอกาศ เวลา และประสบการณ์อันมีค่าแก่เด็กๆ บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนเขาใหญ่ ที่ให้ประสบการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เคยซ้ำรอยเดิม บางจุดสำคัญฝังลึกลงไปมากกว่าใต้ภูเขาน้ำแข็งเสียอีก และแน่นอนอาจไม่ใช่เฉพาะข้อมูลสำคัญทางธรรมชาติวิทยาเสียด้วยซ้ำ






 
 จากเขาใหญ่ ถึงเขาใหญ่
          ตอนวัยเด็กเรามักชวนเพื่อนๆดลและแดน ขึ้นเขาใหญ่กันเป็นว่าเล่น แค่ออกเดินทางกันก็มีความสุขกันแล้ว ขับรถจิ้ปตะบึงไปถึงทางตรงลงเขายาวลึกสุดลูกหูลูกตา (จากด่านทางขึ้นปราจีนบุรี) เหมือนสไลเดอร์ในสวนสนุก เด็กสองคนจ้องมองไปที่หน้าปัดรถ ดูว่ารถไหลลงด้วยความเร็วได้มากเท่าไหร่ คือความตื่นเต้นเล็กๆทั้งไปและกลับ เราพักกันที่ลานกางเต้นท์ลำตะคองเป็นประจำ เลือกทำเลให้เหมาะจัดเก็บเครื่องครัวของกินให้มิดชิด มิฉะนั้นแล้วทั้งกวางและลิงจะมาช่วยกันจัดเต็มให้ ยามค่ำคืนเป็นที่รู้กันว่าเด็กๆจะออกไปตามหาเม่นที่มักออกมาทักทายกันบริเวณหลังห้องอาบน้ำรวม บนเขาใหญ่ฝนตกเป็นเรื่องปกติยกเว้นในหน้าหนาว เสื้อกันฝนและถุงกันทากจึงเป็นสิ่งพกพาปกติเช่นกัน 








       ถึงกระนั้นรอยเลือดพร้อมกับทากตัวอ้วนก็มักพบเห็นบนร่างกายทั้งเด็กและผู้ใหญ่หลังจากเดินเทรลศึกษาธรรมชาติเส้นสำคัญเช่น  กม.๓๓ไปออกหนองผักชี แค้มป์ผากล้วยไม้ไปออกน้ำตกเหวสุวัต และดงติ้วไปออกมอสิงโต ประสบการณ์ที่สะสมจากเทรลธรรมชาติเหล่านี้ พบเจอทั้ง นก หนอน แมลง มด ปลวก เห็ด พรรณพืชและต้นไม้ใหญ่ ในบทบาททั้งนักล่า ผู้ถูกล่าและกระบวนการย่อยสลาย ในแต่ละช่วงของการเรียนรู้ธรรมชาติ ประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวส่วนสำคัญฝังตัวกันที่นี่ เรามักใช้เวลากันจนถึงเย็นค่ำและจะตื่นเต้นกันอีกครั้งในตอนขากลับ เด็กๆลุ้นกันไประหว่างทาง หวังจะได้เจอช้างป่าฝูงใหญ่ หรืองูเหลือมขวางถนนแบบที่นึกว่าเป็นท่อนไม้ล้มแบบครั้งก่อน ลงเขาใหญ่ทีไรจึงฝากความคาดหวังไว้กับแสงไฟกับเงาตะคุ่ม นึกถึงกระทิง เนื้อสมัน ยันเสือโคร่งให้จินตนาการสุดโต่ง ตื่นเต้นกันทุกครั้ง



      ปิดเทอมใหญ่คราวนี้ ดลเอ่ยปากไว้ล่วงหน้าก่อนสอบเสร็จว่าต้องกลับไปเขาใหญ่อีกครั้ง ไม่ต้องสำรวจส่องสัตว์ เดินเล่นข้ามสะพานเชือกไปสนามกอล์ฟเก่าที่ลำตะคอง ขึ้นไปเขาเขียวและลงมาเดินเทรลกม.๓๓ (เสียดายที่เขาเขียวปิดปรับปรุงชั่วคราว) ดลอยากให้มีคนเยอะๆแบบตอนที่หนีน้ำท่วม หรือช่วงเทศกาลปีใหม่ จะได้พบเห็นผู้คนหลากหลายมากินอยู่รวมกัน นี่คงมิใช่อาการกรีนสำนึกสิ่งแวดล้อม 
หากเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำที่สะท้อนเจตจำนงในบางสิ่งบางอย่างตามธรรมชาติเช่นนั้นหรือ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น