ในวัยเด็กเริ่มแรกของดลและแดน ครอบครัวเราเลือกที่จะกลับมาสนใจวิถีธรรมชาติ
แม้ว่าจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่ได้ทั้งหมดจนถึงทุกวันนี้ก็ตาม แต่เป้าหมายสำคัญอยู่ที่การเรียนรู้ธรรมชาติของวัยเด็ก
เราเลือกวิถีเรียนรู้แบบบ้านเรียน(การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว)ให้กับเด็กๆ ก่อนที่ดลและแดนจะเริ่มต้นเขียนอ่านตัวหนังสือ
การขีดเขียนเป็นเหมือนเกมสร้างร่องรอยที่สนุกสนานอย่างหนึ่งในชีวิตวัยเด็ก กระดาษ ผืนผ้าใบ
ดินสอ สี แปรงและพู่กันจึงต้องเตรียมพร้อมเสมอ
ร่องรอยของแดนตอนวัยสองขวบก่อรูปร่างผีเสื้อหนอนและดักแด้
ถ่ายทอดร่องรอย
การขีดเขียนสร้างร่องรอยนั้น ผมทึกทักเอาว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงของสิ่งมีชีวิต
เป็นกระบวนการมหัศจรรย์สุดๆของสมองกับกล้ามเนื้อและความรู้สึกนึกคิด ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงระบบภาษา
เด็กๆ เริ่มบังคับมือด้วยกล้ามเนื้อใหญ่และเล็กตามลำดับ เพื่อจับหยิบสิ่งของต่างๆ
ใส่ปากอมดูด ตีเคาะ ขูดขีดและปาดป้าย เป็นพัฒนาการที่ตอบสนองต่อโลกภายนอกประสานกับประสาทสัมผัสทั้งห้า การขีดเขียนจึงตอบสนองต่อการเห็นเป็นภาพ ข้อมูลประสบการณ์ ความคิด
และจินตนาการ สิ่งที่ดลและแดนขีดเขียนถ่ายทอด เส้นสาย รูปทรงและสีสัน เป็นตัวแทนความคิดที่เรียนรู้ได้จากห้องเรียนธรรมชาติด้วยประสบการณ์สัมผัส
เรื่องราวของสิ่งมีีชีวิตเล็กๆจนถึงใหญ่โตที่สุดกำลังถูกค้นพบ การบรรจบพบกันของเส้นรอบรูป
จึงค่อยๆถูกตีความและควบคุมให้คล้ายรูปทรงที่เขารู้จัก การถ่ายทอดพรั่งพรูออกมา ร่องรอยจึงสำคัญต่อมิติการรับรู้ทั้ง
จินตนาการ และความเป็นจริง การตอบสนองต่อประสบการณ์ใหม่ๆ จากโลกธรรมชาติ จึงสำคัญและจำเป็นโดยไม่ขัดเขินสำหรับวัยเด็ก
ร่องรอยจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เด็กเล็กๆสำแดงออกมา
ต้นไทรซูเปอร์มาเก็ตของป่าดลวาดฉากละคร สำหรับโรงเรียนอนุบาลที่เคยเรียน
ผู้เอื้ออำนวย
สำหรับร่องรอยของดลและแดนในวัยเด็ก ไม่เพียงแค่เป็นประสบการณ์สำคัญของพวกเขา
สำหรับผมเห็นเป็นความงดงามบริสุทธฺิ์ ที่เพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรกแม้ว่าจะได้ร่ำเรียนศิลปะมาแล้วก็ตาม
ผมเก็บร่องรอยขีดเขียนทุกๆ ย่างก้าวความคิดของดลและแดน กระดาษทุกชิ้น กระดานและผ้าใบ
ไปจนถึงผนังบ้าน เพราะคุณค่ากระบวนถ่ายทอดความคิดที่สดบริสุทธิ์ของเด็กนี่เอง ทำให้เราเชื่อว่าเด็กๆ
ทุกคนมีทักษะเหล่านี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผมจึงเริ่มวางแผนให้ดลลงมือสร้างร่องรอยอย่างจริงจังมากขึ้น
เราทดลองขยายพื้นที่สร้างร่องรอย จากกระดาษแผ่นใหญ่ไปสู่ผืนผ้าใบขนาดเมตรกว่าๆไปจนถึงห้าเมตร
สังเกตุเห็นได้ว่าคือความสุขสนุกสนานที่พรั่งพรูออกมาจากแรงบันดาลใจในโลกธรรมชาติที่เราได้ไปเก็บเกี่ยวเที่ยวกันมา
ป.ปลา แมลง ผีเสื้อ เสือ
ช้าง สัตว์ป่า นกนานาชนิด และเรื่องราวจากต้นไม้ใหญ่ จึงส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ไปทุกที่
จนพ่อแม่บางคนเริ่มเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการผลักดันความสามารถพิเศษของดล ทำให้เราต้องมาอธิบายขยายความบอกสิ่งที่เราเชื่อว่า
คือทักษะดั้งเดิมในธรรมชาติที่เด็กทุกคนมีอยู่
ดลลงมือละเลงบนผ้าใบชิ้นใหญ่
ดลปีนบันไดวาดบนผนังห้อง
กิจกรรมสร้างร่องรอย ลงมือร่วมกันหลายครอบครัว
ผลงานประสานต่างจินตนาการเป็นร่องรอยร่วมกันบนผืนผ้าใบ
ผลงานบนผนังที่ดลถ่ายทอดตวัดเส้นสายผ่านฝีแปรงพู่กัน
ผลงานประสานต่างจินตนาการเป็นร่องรอยร่วมกันบนผืนผ้าใบ
เดินตามเด็ก
เรื่องราวร่องรอยในวัยเด็กจะเกิดขึ้นได้และพัฒนาให้เป็นทักษะฝังลึกไว้
จะมากน้อยแค่ไหนจึงขึ้นอยู่กับทัศนคติของพ่อแม่ที่จะเข้าใจคุณค่าความสำคัญของการสร้างร่องรอยเหล่านี้บ้างหรือไม่
เราได้พบกับพ่อแม่ส่วนมากที่มักมองข้ามศักยภาพของลูก และพูดกับผมเสมอว่าเป็นพ่อแม่ที่วาดรูปไม่เป็น...ลูกๆชอบวาดรูปอะไรก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงได้โอกาศชักชวนครอบครัวบ้านเรียนและครอบครัวโรงเรียน
ชวนกันมาร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ร่องรอยกันเป็นประจำในวันหยุด เริ่มจากที่บ้านเป็นหลักและเคลื่อนย้ายออกไปนอกสถานที่ธรรมชาติบ้าง
เราต่างเดินตามเด็กๆกันไปทำความเข้าใจใหม่กับคุณค่าร่องรอยและมองเห็นความคิดจินตนาการของเด็กๆ
ทั้งพ่อแม่และลูก ต่างสร้างร่องรอยรวมกัน ข้อสำคัญต้องไม่ขัดเขินและให้พรั่งพรูออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
มิได้มุ่งเน้นทักษะความเป็นเลิศทางด้านศิลปะเป็นหลัก แต่มุ่งให้ความสำคัญในกระบวนการถ่ายทอดความคิดประสบการณ์
เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยครอบครัวรวมทั้งให้คุณค่าความงดงามในธรรมชาติร่วมกัน
เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยครอบครัวรวมทั้งให้คุณค่าความงดงามในธรรมชาติร่วมกัน
ผลงานสีสันของดลและแดน หนอน เต่าทอง ผีเสื้อและด้วง
แดนกับการถ่ายทอดเรื่องราวจากเขาใหญ่บนกระดาษ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น