วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วัชชะพืชข้างทาง


           ภาพสวยงามของพื้นที่สีเขียวที่เราต่างคิดฝันเอาไว้อาจบิดเบือนความเป็นจริงบางอย่างไป จากสนามหญ้าหน้าโรงเรียนที่ห้ามเดินตัดผ่าน สวนสาธารณะที่แสนจะร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และสวนดอกไม้ ไปจนถึงสนามกอล์ฟเนินกรีนเขียวสุดลูกหูลูกตา ต่างได้รับการตัดตกแต่งดูแลให้เรียบร้อยไม่รกรุงรังปราศจากพรรณพืชบางชนิดที่เรียกว่าวัชชะพืช เพราะดันไปขึ้นอยู่ผิดที่ผิดทางที่ไม่เป็นประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ และไม่อำนวยประโยชน์ต่อวิถีชีวิตสมัยใหม่ วัชชะพืชจึงมักจะถูกกำจัดเพราะเห็นเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ  มายาคติพื้นที่สีเขียวจึงยังคงอยู่คู่กับคนเมืองเสมอมา พื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติที่ไม่มีใครไปรบกวนจึงดูรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งให้รกร้าง ทั้งๆที่เป็นแหล่งฟื้นฟูระบบนิเวศน์เล็กๆให้สรรพชีวิตกลับคืนมาได้

ทุกชีวิตล้วนเกื้อกูล
          ไม่มีผลกำไรใดหรือประโยชน์สูงสุดแบบไหนที่จะถูกตักตวงได้จากธรรมชาติเพียงฝ่ายเดียว ประเด็นสำคัญในห้องเรียนธรรมชาติที่เราพยายามโยงใยให้เห็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันเสมอ ความเข้าใจต่อโลกธรรมชาติจึงเป็นฐานสำคัญในการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันและหวังให้ซึมซับเก็บไว้ในใจของเด็กๆ วัยเด็กของดลและแดนจึงได้มีโอกาสเรียนรู้เพื่อสัมผัสธรรมชาติ มากกว่าการจดท่องจำข้อมูลความรู้ที่ซับซ้อนอีกมากมาย แต่มักจะเป็นกิจกรรมลงมือทำและสังเกตการณ์จากประสบการณ์ตรงที่เพลิดเพลิน




เก็บความสุขข้างทางไว้

          ในตอนเช้าของบางวัน ดลและแดนชวนแม่หน่อยให้พากันปั่นจักรยานไปเก็บกระทกรก ไม้เลื้อยข้างทางหลังบ้านเพื่อเป็นพืชอาหารสำหรับหนอนผีเสื้อกะทกรกที่ดลเลี้ยงไว้  แม่หน่อยได้จังหวะถือเป็นโอกาสดีๆ พาลูกสองคนไปเก็บพรรณไม้ข้างทางอีกหลายชนิด นำกลับมาวาดรูปศึกษาและทำความรู้จักให้มากขึ้น เพราะเธอชอบเก็บดอกไม้ข้างทางและถนัดที่จะวาดภาพบันทึกไว้  ทำให้การรู้จักพรรณไม้และดอกไม้นานาชนิดของเธอถูกเก็บสะสมความรู้มาโดยไม่รู้ตัว แล้วเมื่อถึงเวลาที่คุณแม่จะนำประโยชน์มาใช้กับลูกๆ ก็คราวนี้เอง
          แม่หน่อยและดล ลงมือศึกษาวาดพร้อมกัน จากการสังเกตลักษณะรูปทรงของใบ กลีบ ดอก เส้นใบ และรายละเอียดที่ต่างกันของแต่ละชนิด บางชนิดกินได้ รักษาโรค และใช้ปรุงอาหาร ในขณะที่แดนยังเล็กอยู่ คอยนั่งดูและฟังเรื่องราวอย่างใจจดใจจ่อรอดูภาพวาดจะออกมาเป็นยังไง  กะทกรก มะก่องข้าว พันงูเขียว ไมยราพยักษ์ สร้อยฟ้า ลูกใต้ใบ หญ้าหมอน้อย และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ซึ่งต้องสืบค้นจากผู้รู้และจากตำรากันต่อไป








.พื้นที่สีเขียว
          พืชพรรณไม้ข้างทางรวมถึงพื้นที่รกร้างหลังบ้าน เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนผ่านฤดูกาล ตอนเข้าหน้าฝนความเขียวชอุ่มของพืชไม้เลื้อยเริ่มบุกเบิกคลุมหน้าดินช่วยไม้พุ่มให้ได้เติบโตแตกปลายยอดอ่อน ออกดอกให้กำเนิดเมล็ดพันธ์หลากหลายชนิด  ห่วงโซ่อาหารเริ่มต้นที่นี่ เป็นถิ่นอาศัยและแหล่งอาหารให้กับชีวิตเล็กๆ เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในเมืองใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ เคลื่อนไปตามธรรมชาติ มีสายสัมพันธ์ที่โยงใยระบบนิเวศน์เล็กๆของที่นี่เป็นตัวดำเนินเรื่อง วัชชะพืชข้างทางจึงมีบทบาทสำคัญไม่เฉพาะต่อระบบนิเวศน์ แต่น่าจะเป็นต้นแบบพื้นที่สีเขียวที่ควรจะมีไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในเมืองใหญ่ โดยกันพื้นที่ในสวนสาธารณะไว้สำหรับสวนป่าเพื่อศึกษา ธรรมชาติ
                   มันเป็นเพียงความคิดฝันที่คาดหวังถึงเด็กทุกคนที่ควรจะได้รับประสบการณ์สีเขียวที่น่าประทับใจฝังลึกติดตัวตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น