วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สูดอากาศ

เดินข้ามลำห้วย เข้าสู่เส้นทาง


         ลำห้วยที่โกรกอีดก..... เป็นพื้นที่ศึกษาธรรมชาติที่คุ้นเคยสำหรับกลุ่มครอบครัวควบกล้ำฯ ตั้งแต่สมัยเด็กๆยังตัวเล็กๆ เมื่อสี่ห้าปีมาแล้ว จวบจนถึงปัจจุบันเติบโตเป็นหนุ่มกันเกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะดลและแดนกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากการเข้าสู่ระบบโรงเรียนทั้งสองคน "การไปโรงเรียนเป็นการทำให้เรารูจักคุณค่าของเวลาในวันหยุด" เป็นวรรคทองของดลที่โปรยทิ้งท้ายไว้ ปิดเทอมจึงเป็นช่วงจังหวะที่ต้องฉวยโอกาศเอาไว้ แม้จะมีการนัดหมายรวมกลุ่มครอบครัวกันหลายครั้ง แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกหลายๆด้านที่ทำให้ต้องเลื่อนโอกาศที่ดีที่สุดไป จนถึงเวลาจวนตัวก่อนจะเปิดเทอม การนัดหมายได้พร้อมกันเพียงสองบ้านก็ยังดี จึงมีแต่บ้านดลแดนและบ้านเคนและจิโร่มุ่งหน้าสู่ลำห้วยโกรกอีดก เพื่อหวลคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้งหลังจากห่างหายมานานนับปี  เป็นการสูดอากาศธรรมชาติรับพลังให้เต็มปอดตลอดทั้งวัน

เส้นทางเดินป่ารกเขียว


เจอดอกไม้สำคัญ

ส่องหาเห็ดตามพื้นโคนต้น
ลมหายใจที่โกรกอีดก      
          เข้าระยะปลายฝนต้นหนาวของเดือนตุลาคม ป่าที่นี่เขียวชะอุ่มปกคลุมทางเดินที่ลัดเลาะลำห้วยจากน้ำตกโกรกอีดก ดลใช้มีดพร่าช่วยเปิดทางที่รกทึบเต็มไปด้วยหนามมัยราบในช่วงต้นทาง หากเป็นการมาครั้งแรกคงไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปแน่ๆ เพราะในหลายๆครั้งที่ผ่านมาน้าเกรียงจะทำหน้าที่คุณครูนำทางมาเรียนรู้ธรรมชาติกันที่นี่ และเป็นความโชคดีที่ชายป่าแถวนี้ไม่มีทากคอยเกาะดูดเลือด ที่นี่จึงเหมาะสมมากในการศึกษาธรรมชาติสำหรับเด็กๆและครอบครัว 
          "ไม่ได้ไปนานมาก คิดถึงมากจ๊ะ พาเด็กๆเข้าป่าสำรวจเห็ดที่โกรกอีดก กลับสู่ธรรมชาติเพื่อชาร์ตพลังชีวิตกัน" แม่จิ๋มแม่ของเคนและจิโรรำพึงความรู้สึกบนเพจ ฟบจากช่วงเวลาสามปีให้หลังเรามักทึกทักเอาว่าโลกเราเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่เราเองก็เปลี่ยนแปลงไปเร็วมากกว่า ในขณะที่ธรรมชาติยังคงปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้สมดุลย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป  เด็กๆเติบโตขึ้นพร้อมกับกิจกรรมและภาระกิจที่ซับซ้อนขึ้น  เผชิญกับสื่อรอบตัวที่ผันแปร การได้กลับเข้าสู่ห้องเรียนธรรมชาติเปรียบเสมือนการได้จัดเรียงฐานประสบการณ์ให้เข้าที่อีกครั้ง ลมหายใจที่โกรกอีดก จึงมีความหมายทุกชั่วขณะ ความคุ้นชิน ความสงบ ความอบอุ่น และความสุขที่ทำให้ลืมบางสิ่งทิ้งไว้ข้างหลัง

แมลงปอเข็มน้ำตกใหญ่
แมงมุมใยไหมทอง 

เพลี้ยกระโดด ที่มีหัวปลอมทางด้านก้น
ทักทาย สรรพชีวิต
          โกรกอีดกเป็นชื่อน้ำตกที่สวยงามที่ชาวครอบครัวควบกล้ำฯยังไม่เคยไปถึง เพราะเพียงแค่ทักทายสรรพชีวิตระหว่างทางและเล่นน้ำตามลำธารน้ำไหล ก็หมดเวลาเช้าสายถึงเย็นพอดี  บนเส้นทางสำรวจเราจึงมีจุดหมายประจำเพื่อพักทานข้าวเที่ยงและเล่นน้ำไหลเย็นกันตามอัธยาศัย จากเส้นทางลัดเลาะขนานไปกับลำห้วย บางช่วงมีไม้เลื้อยเถาวัลย์ปกคลุมหนาทึบ ทางเดินเป็นช่องลอดมืดครึ้ม มีแสงส่องลอดช่องส่องเห็นแมลงปอเข็มน้ำตกใหญ่เจ้าถิ่นบินมาเกาะรอต้อนรับให้ถ่ายรูปได้เป็นระยะๆ  ระหว่างช่องทางเดินแคบพบแมงมุมอีกหลายชนิดเช่นแมงมุม ใยทองตัวใหญ่ชักใยขวางคอยดักจับแมลงเป็นอาหาร จิโร่ต้องคอยมุดลอดเพราะกลัวว่าใยแมงมุมจะเสียหาย

เห็ดถ้วยแชมเปญสีสวยสด เป็นเห็ดรูปทรงถ้วยชนิดหนึ่ง

 เห็ดหิ้งชุดงามใหญ่กว่าฝ่ามือ

เห็ดถ้วยขนคล้ายเห็ดถ้วยแชมเปญแต่มีขน

          ระหว่างทางตามพื้นและคบไม้ผุจะพบเห็ดชนิดต่างๆเป็นที่สนใจของคุณแม่หน่อยและแม่จิ๋ม โดยเฉพาะเห็ดถ้วยแชมเปญและเห็ดถ้วยขน สีสวยสดประจำเส้นทาง พบเห็ดขอน เห็ดหิ้ง และเห็ดนิ้วมือคนตาย ซึ่งน้าเกรียงเคยพาพวกเราสำรวจเรียนรู้กันมาแล้ว เห็ดราเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่มิใช่พืชหรือสัตว์ ทำหน้าที่ย่อยสลายทั้งซากพืชและมูลสัตว์ให้กลายเป็ธาตุอาหารของเหล่าพรรณพืช  แมลงย่องแย่งหรือคุณพ่อขายาว(Daddy Long Legs)ของเด็กๆที่มาทุกครั้งต้องได้ทักทายกัน ด้วยรูปร่างที่มีขายาวมากกว่าแมงมุมเสียอีก มักอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ตามโคนต้นไม้ใหญ่หรือโขดหิน ใครเห็นนึกว่าเป็นแมงมุมแต่แท้จริงแล้วเป็นแมลงที่ไม่สามารถชักใยได้ ระหว่างทางเดินยังมีแมลงแปลกประหลาดมหัศจรรย์อีกหลายชนิดที่ได้พบเจอกันในครั้งนี้

แมลงย่องแย่งหรือคุณพ่อขายาว

เล็งถ่ายเห็ดกัน

แม่หน่อยกับแม่จิ๋มกำลังบันทึกภาพเห็ดบนเถาวัลย์

เห็ดบนเถาวัลย์

แม่หน่อยกับเห็ดขอนชุดใหญ่
ธารน้ำใสไหลเย็น
          ระยะทางกิโลเมตรกว่าๆกับเส้นทางเดินเท้าลัดเลาะชายป่าเขาใหญ่ทักทายความหลากหลายของสรรพชีวิตที่ยังคงดำรงอยู่ไปสู่จุดพักธารน้ำใสไหลเย็น  เป็นความสุขที่เคี้ยวกลืนเวลาหายไปครึ่งวัน ถึงจุดพักทานข้าวเที่ยงพักเล่นน้ำนั่งแช่เท้าตามอัธยาศัย  ผีเสื้อหนอนคูนสีเหลืองสด บินมาตอมตามโขดหินและเกาะกลุ่มกันที่รองเท้าผู้มาเยือน ดลแยกตัวไปสำรวจทักทายปลาที่เคยพบ เช่น ปลาก้าง ปลาค้อ ปลาซิว และสิ่งมีชีวิตในน้ำอีกมากมายที่เคยทำความรู้จักกันที่นี่ (โปรดติดตาม ตอน ย้อนรอยโกรกอีดก)

จุดพักเที่ยง เล่นน้ำใสไหลเย็น และเด็กสี่คน 

ดลสำรวจปลาในลำห้วยโกรกอีดก
 ผีเสื้อหนอนคูน ชุกชุมมากในเดือนนี้กำลังรุมตอมรองเท้าจิโร่ 

อาหารกลางวันริมลำห้วย
คนและจิโร เล่นน้ำเย็นใสไหลเย็น

 จิโร เคน แดน แม่หน่อย แม่จิ๋ม และดล ณ.ลำห้วยโกรกอีดก


             สูดอากาศ ณ.ที่นี้ จึงมิใช่เพียงแค่มีอากาศและสภาพแวดล้อมที่ดีไว้หายใจ แต่มันเป็นลมหายใจที่มีความหมายสำคัญต่อพลังชีวิต ความสงบสุขที่สอดคล้องกันในระบบธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราต่างโหยหาโดยไม่รู้ตัว เปรียบเสมือนการได้หวลคืนกลับสู่ครรภ์มารดา โดยที่มีป่าและระบบธรรมชาติเป็นแม่ของโลกคอยโอบอุ้มฟูมฟักและหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ผมจึงไม่สงสัยเลยว่าเดินเข้าป่าทีไร หัวใจพองโตขึ้นมาทุกครั้ง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

งู เงี้ยว เขี้ยว ขอ



ผลงานเพ้นท์ติ้ง "งูอนาคอนดา"โดยดลตอนเจ็ดขวบ

       สัตว์เลื้อยคลานที่มักไม่เป็นที่ปราถนาสำหรับหลายๆคน  งู สัตว์ในตำนานเก่าแก่ของโลก งูยักษ์อสุรกาย อสรพิษ หรือซาตานผู้ล่อลวง งูพิษกัดถึงตาย หรืองูไม่มีพิษก็รัดให้ถึงตายได้ งูจึงมีเรื่องเล่าที่ฟังแล้วขนหัวลุกได้เสมอ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่นับวันจะมีข่าวเกี่ยวกับงูบ่อยครั้งและถี่ขึ้น คงจะเหลือที่อยู่ให้งูในธรรมชาติได้น้อยลงไปเรื่อยๆ เรามักจะพบเจองูอยู่ตามซอกหลืบในบ้าน แม้กระทั่งในโถส้วม ด้วยความตื่นตระหนกไว้ก่อนเราจึงมักจะตีงูให้ตายเสียเลยหรือไม่ก็เรียก Snake Rescue หน่วยกู้ภัยจับงูมาจัดการ ในขณะที่มีงูอีกหลายชนิดที่ไม่มีพิษและไม่มีอันตราย จากจำนวนชนิดงูทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกถึง 3,000 ชนิด จะน่าเสียใจมากๆ สำหรับการตีงูทุกชนิดในทุกๆ ครั้งที่เจองู
แดนกับพี่ดลตอนเด็กกำลังชื่นชมงูเขียวพระอินทร์ในกล่องแมลง
ทำความรู้จักงู
          สำหรับเด็กสองคน ดลและแดนชื่นชอบสัตว์หลายชนิดที่ได้รู้จักและยังอยากรู้จักสัตว์อีกหลายชนิด อนาคอนดางูตัวยักษ์อีกชนิดหนึ่งที่อยากรู้จัก  เป็นแรงบันดาลใจให้เปิดประตูรับรู้เรื่องราวของงูไว้ตั้งแต่วัยเด็กและถ่ายทอดภาพวาดงูยักษ์ไว้เช่นกัน ยังมีงูพิษที่อันตรายร้ายแรงเช่น งูจงอาง งูเห่า งูหางกระดิ่งและอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับงู ดลแดนจึงชอบดูจากหนังสารคดีสัตว์โลกเป็นการทำความรู้จักงูชนิดต่างๆไปในตัว  ถึงคราวเมื่อพบเจองูจึงอยากรู้ว่าเป็นงูชนิดใดมีพิษหรือไม่ หากรู้ได้ว่าไม่มีพิษจึงมักจะอยากจับเอามาเลี้ยง พ่อเองจำได้ว่าตอนที่จับงูเขียวใส่กล่องแมลงไว้ให้ลูกดูเพื่อทำความรู้จักก็กลัวๆกล้าๆมากอยู่  ซึ่งผิดกับการได้จับงูและไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใดของลูกๆ ความคุ้นเคยกับธรรมชาติทำให้เด็กๆรู้จักสัตว์ต่างๆอย่างเข้าใจและดูสวยงามน่าสนใจไปหมด ข้อสำคัญต้องช่วยกันหาข้อมูลทำความรู้จักให้ได้มากพอเสียก่อนโดยเฉพาะ เกี่ยวกับ "งู"

ดลชื่นชอบสนใจ งูเขียวพระอินทร์ ตัวที่ขอร้องให้พ่อจับให้ตอนเด็กๆ

เจองู..ปากกว้างน้ำเค็มที่บ้านลุงแดง แหลมผักเบี้ย
วันหยุดของเด็กนักเรียน
     ถึงเวลาปัจจุบัน ดลไปโรงเรียนตามระบบปกติและมีวันหยุดให้ได้กลับสู่ท้องทุ่งหลังบ้านเกือบทุกเสาร์อาทิตย์ ช่วงเวลาเข้าสู่หน้าฝนก่อนที่ทุ่งพัฒนาการจะกลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นเวลาผลิบานของสรรพชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มเขียวชะอุ่ม สัตว์เลื้อยคลานเริ่มแพร่พันธ์ุ งู ก็เช่นกัน ลูกงูหลายชนิดเริ่มออกมาแล้ว ดลชวนพ่อตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปเที่ยวทุ่งหลังบ้านในวันหยุด "ชวนไปจับงู" ความรู้สึกกลัวๆกล้าๆอยู่ลึกๆยังคงมีอยู่สำหรับผู้เป็นพ่อ ดลเริ่มที่พงหญ้าข้างทาง ค่อยๆเดินย่างเหยียบเท้าลงเบาๆพร้อมกวาดสายตาที่ว่องไวและช่างสังเกตุเห็นสิ่งเคลื่อนไหวที่หยุดนิ่งพรางตัวอยู่ จนกระทั่งคว้าจับ เจ้างูตัวเล็กขึ้นมาได้ "เฮ้ยระวัง...งูอะไร...ไม่ใช่งูพิษแน่นะ"พ่อตะโกนถาม ดลจับงูเหมือนจับสัตว์ทั่วๆไปแต่ พ่อเองนั้นใจเต้นเลื่อนลงไปที่ตาตุ่ม
ดลใช้เท้าสัมผัสกดหางงูไว้เพื่อบันทึกภาพงูทางมะพร้าว

งูทางมะพร้าว ขู่ศัตรูด้วยการแผ่ลำตัวด้านยาวเหมือนทางมะพร้าว

 งูทางมะพร้าว ไม่มีเขี้ยวพิษ ดลอ้าปากให้ดู  

จุดสังเกตุที่หัวมีเส้นดำคาดส่วนหัวลงมาที่ตา


งูทางมะพร้าว
          ดลจับที่หัวงูไว้อย่างถนัด สังเกตุเห็นเส้นสีดำคาดส่วนหัวสีนำ้ตาลอมส้มมีลำตัวดำสลับเทาและน้ำตาลเป็นทางยาว ดลบอกพ่ออย่างใจเย็น"เป็นงูทางมะพร้าวไม่มีพิษหรอก ดูนี่สิไม่มีเขี้ยวพิษ" พร้อมจับหัวบีบให้มันอ้าปาก ไม่มีเขี้ยวจริงๆด้วยมีแต่ฟันเล็กๆ ดลจับมันวางกับพื้นโดยใช้เท้ากดหางไว้ไม่ให้หนี มันขู่ด้วยการแผ่ลำตัวบริเวณคอต่อจากหัวให้กว้างออกในแนวยาว ซึ่งต่างกับงูเห่าแผ่แม่เบี้ยในแนวขวาง ดลใช้มือโบกหลอกล่อให้มันฉกไปมา งูขยับตั้งท่าลำตัวด้านหน้าให้เป็นลูกคลื่นพร้อมอ้าปากรอจังหวะฉกอย่างมีลีลา เค้าว่ากันว่างูทางมะพร้าวมันชอบแกล้งตายถ้าหนีศัตรูไม่ทันโดยพลิกหัวหงายนอนนิ่งเหมือนตายพอศัตรูเผลอมันจะรีบหนีอย่างว่องไว ดลเล่นกับงูและถ่ายรูปเก็บบันทึกเสร็จก็ปล่อยให้มันเลื้อยไป
          ข้อมูลสำคัญ งูทางมะพร้าว Elaphe radiata (Schlegel, 1837) มีนิสัยไม่ดุร้าย เป็นงูที่ไม่มีต่อมพิษ และเขี้ยวพิษ ออกลูกเป็นไข่ผลิตออกมาได้  5-15 ฟองต่อปี  ลูกงูที่ฟักออกมาตัวมีขนาดประมาณ 25-30 ซม. และเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 230 ซม. มีความสำคัญในระบบนิเวศน์คือเป็นตัวควบคุมปริมาณสัตว์มีกระดูกสันหลังบางชนิด เช่น นก สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู
ดลกับงูทางมะพร้าวในวันหยุดที่ทุ่งหลังบ้าน
ดลกับงูสายม่านที่ลายสวยงามไปอีกแบบ

งูสิงตัวยังไม่โตที่แอมจับได้
แอมกับงูสิงที่เจ้าตัวบอกว่าน่ารัก
ในทุ่งหญ้าป่ารก
          ดลชวนแอมเพื่อนคอธรรมชาติวัยเดียวกันมาสำรวจดูลูกงูไม่มีพิษอีกหลายชนิดอาทิ เช่น  งูสายม่านสีลายสวย งูปี่แก้วที่มีนิสัยค่อนข้างดุและมีพิษอ่อนๆดลก็โดนไปบ้างเล็กน้อย ส่วนแอมจับงูสิงตัวยาวสีน้ำตาลอ่อน ทั้งสองคนใช้เวลาในทุ่งหญ้าป่ารกกันตามลำพัง พ่อเองก็กังวลใจขึ้นมาเป็นพิเศษอีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าทักษะความชำนาญและการระมัดระวังโดยเฉพาะความเคารพต่อธรรมชาติของวัยรุ่นสองคนนี้แล้วก็วางใจ แต่ก็เพราะมิใช่แค่งูเงี่ยวไม่มีเขี้ยวพิษในทุ่งหญ้ารกร้างเช่นนี้ ตามหมู่บ้านโครงการละแวกนี้พบเจอปัญหางูอยู่ในที่อยู่อาศัยมากขึ้น ล่าสุดก่อนดลจะรีบไปโรงเรียนตอนเช้าตรู่ พบงูเหลือมลายสวยสดกำลังจ้องนิ่งจะฉกแมวริมรั้วหน้าบ้าน ดลบอกพ่อจะขอลงมือจับเองเพราะอยากเลี้ยงไว้ จัดแจงไปหาไม้และเชือกทำบ่วง สังเกตุได้ว่ามันคงหิวเพราะท้องของมันแฟบ และเคลื่อนตัวว่องไวมาก ทุกคนห้ามทัดทานดลไว้ "เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันนะ" ภาระกิจจึงเป็นหน้าที่ของพี่ยามรปภ.ของหมู่บ้าน มาช่วยกันจับงูเหลือมใส่ถุงจนสำเร็จ ถามพี่ยาม รปภ.ว่าจะเอาไปไหนกัน "เอาไปปล่อยที่ทุ่งหลังหมู่บ้านครับ"

 งูเหลือมกำลังเอาหัวมุดหนีลงรูฝาท่อระบายน้ำหน้าบ้านแต่ลำตัวติดคาอยู่

พี่ยามรปภ.หมู่บ้านกำลังช่วยกันจับงูเหลือมลงใส่ถุงปุ๋ย
 งูเหลือมหัวสีเหลืองทองสดเพิ่งลอกคราบ



**********



  





วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วัชชะพืชข้างทาง


           ภาพสวยงามของพื้นที่สีเขียวที่เราต่างคิดฝันเอาไว้อาจบิดเบือนความเป็นจริงบางอย่างไป จากสนามหญ้าหน้าโรงเรียนที่ห้ามเดินตัดผ่าน สวนสาธารณะที่แสนจะร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และสวนดอกไม้ ไปจนถึงสนามกอล์ฟเนินกรีนเขียวสุดลูกหูลูกตา ต่างได้รับการตัดตกแต่งดูแลให้เรียบร้อยไม่รกรุงรังปราศจากพรรณพืชบางชนิดที่เรียกว่าวัชชะพืช เพราะดันไปขึ้นอยู่ผิดที่ผิดทางที่ไม่เป็นประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ และไม่อำนวยประโยชน์ต่อวิถีชีวิตสมัยใหม่ วัชชะพืชจึงมักจะถูกกำจัดเพราะเห็นเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ  มายาคติพื้นที่สีเขียวจึงยังคงอยู่คู่กับคนเมืองเสมอมา พื้นที่สีเขียวตามธรรมชาติที่ไม่มีใครไปรบกวนจึงดูรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งให้รกร้าง ทั้งๆที่เป็นแหล่งฟื้นฟูระบบนิเวศน์เล็กๆให้สรรพชีวิตกลับคืนมาได้

ทุกชีวิตล้วนเกื้อกูล
          ไม่มีผลกำไรใดหรือประโยชน์สูงสุดแบบไหนที่จะถูกตักตวงได้จากธรรมชาติเพียงฝ่ายเดียว ประเด็นสำคัญในห้องเรียนธรรมชาติที่เราพยายามโยงใยให้เห็นความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันเสมอ ความเข้าใจต่อโลกธรรมชาติจึงเป็นฐานสำคัญในการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันและหวังให้ซึมซับเก็บไว้ในใจของเด็กๆ วัยเด็กของดลและแดนจึงได้มีโอกาสเรียนรู้เพื่อสัมผัสธรรมชาติ มากกว่าการจดท่องจำข้อมูลความรู้ที่ซับซ้อนอีกมากมาย แต่มักจะเป็นกิจกรรมลงมือทำและสังเกตการณ์จากประสบการณ์ตรงที่เพลิดเพลิน




เก็บความสุขข้างทางไว้

          ในตอนเช้าของบางวัน ดลและแดนชวนแม่หน่อยให้พากันปั่นจักรยานไปเก็บกระทกรก ไม้เลื้อยข้างทางหลังบ้านเพื่อเป็นพืชอาหารสำหรับหนอนผีเสื้อกะทกรกที่ดลเลี้ยงไว้  แม่หน่อยได้จังหวะถือเป็นโอกาสดีๆ พาลูกสองคนไปเก็บพรรณไม้ข้างทางอีกหลายชนิด นำกลับมาวาดรูปศึกษาและทำความรู้จักให้มากขึ้น เพราะเธอชอบเก็บดอกไม้ข้างทางและถนัดที่จะวาดภาพบันทึกไว้  ทำให้การรู้จักพรรณไม้และดอกไม้นานาชนิดของเธอถูกเก็บสะสมความรู้มาโดยไม่รู้ตัว แล้วเมื่อถึงเวลาที่คุณแม่จะนำประโยชน์มาใช้กับลูกๆ ก็คราวนี้เอง
          แม่หน่อยและดล ลงมือศึกษาวาดพร้อมกัน จากการสังเกตลักษณะรูปทรงของใบ กลีบ ดอก เส้นใบ และรายละเอียดที่ต่างกันของแต่ละชนิด บางชนิดกินได้ รักษาโรค และใช้ปรุงอาหาร ในขณะที่แดนยังเล็กอยู่ คอยนั่งดูและฟังเรื่องราวอย่างใจจดใจจ่อรอดูภาพวาดจะออกมาเป็นยังไง  กะทกรก มะก่องข้าว พันงูเขียว ไมยราพยักษ์ สร้อยฟ้า ลูกใต้ใบ หญ้าหมอน้อย และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ซึ่งต้องสืบค้นจากผู้รู้และจากตำรากันต่อไป








.พื้นที่สีเขียว
          พืชพรรณไม้ข้างทางรวมถึงพื้นที่รกร้างหลังบ้าน เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนผ่านฤดูกาล ตอนเข้าหน้าฝนความเขียวชอุ่มของพืชไม้เลื้อยเริ่มบุกเบิกคลุมหน้าดินช่วยไม้พุ่มให้ได้เติบโตแตกปลายยอดอ่อน ออกดอกให้กำเนิดเมล็ดพันธ์หลากหลายชนิด  ห่วงโซ่อาหารเริ่มต้นที่นี่ เป็นถิ่นอาศัยและแหล่งอาหารให้กับชีวิตเล็กๆ เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในเมืองใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ เคลื่อนไปตามธรรมชาติ มีสายสัมพันธ์ที่โยงใยระบบนิเวศน์เล็กๆของที่นี่เป็นตัวดำเนินเรื่อง วัชชะพืชข้างทางจึงมีบทบาทสำคัญไม่เฉพาะต่อระบบนิเวศน์ แต่น่าจะเป็นต้นแบบพื้นที่สีเขียวที่ควรจะมีไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติในเมืองใหญ่ โดยกันพื้นที่ในสวนสาธารณะไว้สำหรับสวนป่าเพื่อศึกษา ธรรมชาติ
                   มันเป็นเพียงความคิดฝันที่คาดหวังถึงเด็กทุกคนที่ควรจะได้รับประสบการณ์สีเขียวที่น่าประทับใจฝังลึกติดตัวตลอดไป