จากประสบการณ์แห่งสายใยชีวิตสี่คนพ่อแม่ลูก นำมาร้อยเรียงลำดับ
ให้เห็นความมหัศจรรย์แห่งความ
เป็นไป ในโลกธรรมชาติซ้อนธรรมชาติ ธรรมชาติหนึ่ง เป็นห้องเรียนใบใหญ่ มีหัวใจเป็นสรรพชีวิตที่ปฏิสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ธรรมชาติอีกหนึ่ง เป็นเด็ก มีพ่อแม่ร่วมคลุกเคล้าชีวิต ร่วมใช้วันคืน ชวนเชิญ และร่วมเข้าเรียนในห้องเรียนใหญ่ “ธรรมชาติเด็ก” จึงแสดงร่องรอยอันประทับใจจากการเรียนรู้ โต้ตอบและถ่ายทอดความหมาย “ธรรมชาติใหญ่” ออกเป็นภาพและรูปทรง นัยนี้ ศิลปะโดยเด็กจึงไม่ได้เป็นแต่ศิลปะเด็ก “ควบกล้ำธรรมชาติ” เป็นภาพปรากฏของการหลอมรวมรูปทรงทางความคิด โดยพ่อแม่และลูก สำแดงออกผ่านกระบวนการสื่อสารทางศิลปะ ในรูปแบบจิตรกรรม
เป็นไป ในโลกธรรมชาติซ้อนธรรมชาติ ธรรมชาติหนึ่ง เป็นห้องเรียนใบใหญ่ มีหัวใจเป็นสรรพชีวิตที่ปฏิสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ธรรมชาติอีกหนึ่ง เป็นเด็ก มีพ่อแม่ร่วมคลุกเคล้าชีวิต ร่วมใช้วันคืน ชวนเชิญ และร่วมเข้าเรียนในห้องเรียนใหญ่ “ธรรมชาติเด็ก” จึงแสดงร่องรอยอันประทับใจจากการเรียนรู้ โต้ตอบและถ่ายทอดความหมาย “ธรรมชาติใหญ่” ออกเป็นภาพและรูปทรง
พ่อ
ภาพเขียนสีน้ำมันของพ่อ
ที่ตั้งใจเขียนไว้เมื่อตั้งแต่ดลวัยแบเบาะ ตอนที่พ่อจินตนาการ
ทั้งที่มาและที่ไปของชีวิตเด็กน้อยกับภาระกิจสำคัญของพ่อ
จนสุดท้ายภาพที่ยังไม่เสร็จได้ถูกทิ้งร้าง ค้างคามาต่อเนื่องถึงหกเจ็ดปี เพราะเวลาที่หายไปนั้น เปลี่ยนแปลงมุมมองวิถีชีวิต
จนถึงเวลาวาระ ควบกล้ำธรรมชาติ ความในใจที่เคยอยากถ่ายทอดเล่าเรื่องผ่านภาพเขียนเกี่ยวกับลูก
ก็ต้องกลับกลายเป็นภาพถ่ายทอดตัวตนของพ่อที่มีภารกิจสำคัญต่อลูกอย่างที่เห็น
สัตว์ของแดน
พัฒนาการของแดนข้ามขั้นเพราะตามติดพี่ดลเสมอ
เมื่อแรงบันดาลใจจากสิงสาราสัตว์ครุกรุ่นอยู่ในหัว
พ่อคิดลองให้แดนขยับฝีแปรงแบบใหม่ เขียนจากใจ (BLIND DRAWING) ใช้กาวยางสีใสเขียนภาพที่มองไม่เห็น
รอให้แห้งแล้วละเลงสีทับสลับกันดำและทอง แดนชักสงสัยแล้วว่าพ่อให้แดนวาดไปทำไม แดนรอสีแห้งแล้วค่อยๆลอกกาวที่เขียนออก
ความตื่นเต้นสุดๆ เมื่อรูปทรงใหม่ค่อยๆปรากฏ ดูราวกับว่าโผล่ออกมาจากใจ ภายในที่ตอบสนองความคิดของแดนที่มีต่อสัตว์
โลกของแดน
จินตนาการ
ความในใจของแดนเคยถูกถ่ายทอดให้เห็นตั้งแต่วัยสามขวบ (ดู จากภาพ “แปรสภาพ”) ที่ให้เห็นมุมมองเหมือรูปทรงของความคิด
ผ่านการละเล่นเรียนรู้ของพี่ดลกับหนอนดักแด้และผีเสื้อ จนถึง “โลกของแดน” เป็นตัวตนของแดน จินตนาการปะเสริม เติมต่อ
สัตว์แมลง เพิ่มลีลาฝีแปรงใหม่สด
สร้างรูปทรง นานาสัตว์ที่รู้จัก เผยให้เห็นโลกข้างในหัวใจของแดน
กวางทอง
เมื่อรูปทรงแปลกประหลาดพร้อมลวดลายสีสันที่หลากหลาย
เป็นความงดงามของสรรพชีวิต ชี้ชวนให้ดลแดน
หลงใหลเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่ซับซ้อนในธรรมชาติ ภาพประทับใจที่ น้ำตกห้วยยาง สมัยตั้งแต่วัยแรกเริ่ม
จึงถูกเติมต่อ สิ่งมีชีวิตที่พบพาน ผ่านประสบการณ์ของเด็กๆที่ตามหาความงามอันน่าหลงใหลของนานาสัตว์
แม้กวางทองที่ซ่อนตัว เปรียบเหมือนการรอคอยให้พบเห็น แต่ก็ยังไม่เทียบเท่าคุณค่าสุนทรียภาพแห่งความซับซ้อน
ภาพซ้อนที่โยงใยระบบสัมพันธ์ในธรรมชาติอันงดงามและยิ่งใหญ่ ภายใต้ความยุ่งเหยิงรกชันและไร้ระเบียบ
ต้นไม้ผีเสื้อ
เมื่อวงจรชีวิตผีเสื้อ
เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีเรียนรู้ของดลและแดน
นานาหนอน และผีเสื้อ ที่เด็กผ่านประสบพบมา
ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปให้ฝังรอยประทับไว้มิรู้ลืม จินตนาการต้นไม้ผีเสื้อคราวนี้
มีพ่อลูกสามคนยืนชื่นชมจากริมหน้าผาเป็นฉากหลัง รวมถึงผีเสื้อยักษ์ตัวสำคัญที่ดลตวัดฝีแปรงราวกับหลับตาเห็น
คือผีเสื้อกะท้อน
อาณาจักรสัตว์
ดลและแดนสนใจสิ่งมีชีวิตในรูปแบบหลากหลายขยายออกไป
แต่ด้วยความสงสัยถึงจุดกำเนิดที่มาจากไหน ใครเป็นญาติใคร วิวัฒนาการเผ่าพันธุ์มาเช่นไร
ความสนใจสืบค้นหาต้นต่อชีวิต กลับไปตั้งต้นที่ไดโนเสาร์ ไล่เรียงโลกโบราณ นานาชีวิตมหัศจรรย์ล้วนพึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกัน
เป็นอาณาจักร หากแต่ว่าความสงสัยอาจยังไม่ได้รับคำตอบ คงเป็นเพราะความซับซ้อนของสรรพชีวิตที่มีวิวัฒนาการมาแสนยาวนาน
ดังเช่น นกเงือกและแมวน้ำของดลจะต้องเป็นญาติกันหรือไม่ ?
ต้นไม้ไม่รู้จบ
ภาพเขียนบนเฟรมจัตุรัสครั้งคราวเดียวกับภาพชุดปลาผีเสื้อ ถูกถ่ายทอดลีลา จินตนาการในเชิงสัญญลักษณ์มากขึ้น
ถึงคราวควบกล้ำครั้งที่สอง ดลแดนช่วยกัน เติมต่อเรื่องราวรอบบ้าน จินตนาการที่
ทับซ้อนกันไปมา ดลเริ่มต้นที่บ้าน ต้นไม้ นก ใบไม้ บ่อปลา ใบไม้ร่วงหล่นพร้อมแมลง แถมมีรั้วอยู่หน้าบ้าน
จัดวางเป็นแนวเรียงลำดับแบบภาพสองมิติ แดนต่อเติม
แสงแดด พระอาทิตย์และก้อนเมฆ จินตนาการเสารั้วของพี่ดล
ให้กลายเป็นหมู่บ้านหลายๆหลัง จึงต่อเติมเสารั้ว ใส่ประตูหน้าต่าง
แถมพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านเสียเลย
ส่วนพ่อนึกสนุกขอร่วมด้วย จินตนาการสร้างเส้นสายโยงใย คล้ายเถาวัลย์ ขดไปมา
เป็นต้นไม้ให้หนอนกะท้อนคืบคลานได้ไม่รู้จบ
(ยังไม่จบนะครับ)
﴾͡๏̯͡๏﴿