ธรรมชาติเป็นห้องเรียนใบใหญ่ บ้านเป็นฐานเรียนรู้ และกระบวนการศิลปะเป็นตัวบดเคี้ยว สังเคราะห์ประสบการณ์การรับรู้ที่อาจจะเรียกว่าความรู้ได้หรือไม่ก็ตาม ร่องรอยที่สะท้อนผลจากการเรียนรู้ในมิติธรรมชาติ ผสมผสานด้วยจินตนาการ ความรู้สึกต่อความงามและสุนทรียภาพในบริบทแห่งสรรพชีวิต ข้อมูลประสบการณ์ ที่มาจากแรงบันดาลใจและจิตสำนึกในการเรียนรู้ สู่วิถีธรรมชาติ นับตั้งแต่วัยเด็กแรกเริ่มถึงวัยก่อนเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยรุ่น ของ เด็กชายสองคน ดล และแดน ในช่วงวัย ๗-๑๑ ขวบ คือพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ การปลูกฝังสำนึกที่รักษา รังสรรค์ต่อโลกในอนาคตของเด็กๆ จากการเริ่มต้นกันที่บ้าน ขยายผลผ่านกระบวนการเรียนรู้ไปทุกหนแห่ง ฝึกฝนปฏิบัติกันไปตามอัธยาศัย
ร่องรอย อันเกิดจาก การถ่ายทอดส่งต่อกัน ระหว่างการรับรู้และมุมมองที่เหมือนและแตกต่าง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างโลกธรรมชาติ โลกของเด็กและมุมมองของผู้ใหญ่ เชื่อมต่อกันโดยสายสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกกับวิถีชีวิตที่ร่วมกัน ปรากฏการณ์เรียนรู้ที่เกิดขึ้นถือเป็นห้องปฎิบัติการเรียนรู้โดยครอบครัว ที่ได้รับรู้ หยั่งถึง
ถึงความมหัศจรรย์ของสรรพชีวิตร่องรอยที่ปรากฏ จึงเป็นผลจากการทับซ้อน ล้อเลียน สื่อสารความคิด จินตนาการ ซึ่งกันและกัน ภายใต้เครือข่ายสายใยชีวิตที่เชื่อมต่อกัน เกิดเป็นผลงาน ร่องรอย ควบกล้ำธรรมชาติ
เมื่อครั้งป.ปลา เป็นรูปทรงเคลื่อนไหวที่เร้าใจ ด.ช.ดล ตอนวัยเริ่มขีดเขียน การถ่ายทอดรูปทรงคล้ายวงรีของเหล่า ป.ปลา นี่แหละ ที่ทำให้การว่ายวนคล้ายล่องลอยของ ป.ปลา นั้นหลากหลาย วนเวียนอยู่ในใจเด็ก ป.ปลาทุกตัวถูกถ่ายทอดผ่านการทำความรู้จักคุ้นเคยโดยการละเล่นขีดเขียน ป.ปลา หลากหลายของเด็กๆ จึงเกิดความหมาย โยงใยมาถึง ป.ปลา ทั้งหลายหรือทั้งหมดในโลกของผู้ใหญ่
..........................................................................................................
..........................................................................................................
ผลงานการละเลงสีบนผ้าใบขนาดใหญ่ชิ้นแรกๆ ประสบการณ์ของดล คงเหมือนท้องทะเลกว้างใหญ่ มากกว่าแผ่นกระดาษ พ่อเลือกมองผ่าน รูปทรงสีใส ปลา ผีเสื้อ แม้เป็นเพียงชื่อสามัญ แต่หารู้ไม่ว่า ความสนใจของดลโยงใยมาถึงผีเสื้อตัวจริงอีกหลากหลายชนิดในวัยต่อมา
...........................................................................................................
จาก ป.ปลา ในท้องทะเลหลากหลายชนิด แต่ดลติดใจอยู่ที่ ป.ปลา วนว่ายคล้ายกระพือปีก แถมรูปทรงประหลาดกว่าตัวอื่นเสียด้วย ปลากระเบน เคลื่อนไหวคล้ายนกยักษ์แห่งท้องทะเล พ่อจัดการกลมกลืนกระเบนใสใส่ท้องทะเล แต่ความสงสัยอยู่ตรงที่กระเบนตัวนี้ คือจุดประกายความสนใจให้ฝันไกลไปถึงชีวิตบนท้องฟ้า
............................................................................................................
“ฉลามใจดี”
เรื่องราวจากใต้ท้องทะเลลึก ที่ปกคลุมด้วยความมืดมิด
มีป.ปลา แปลกประหลาดชื่อ แองเกลอฟิช ติดโคมไฟส่องแสงไว้ล่อเหยื่อปลาที่หลงแสงสี มีฉลามยักษ์ใหญ่ใจดีกินแต่แพลงตอน
พลัดหลงเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝูงปลาทะเลลึก ดลถ่ายทอดจินตนาการที่ถูกสังเคราะห์ ผ่านสีสัน และรูปทรง ด้วยแรงบันดาลใจจากข้อมูลเรื่องราวใต้ท้องทะเลลึก
.....................................................................................................
"กระโทงแทง"
...................................................................................................................
“สิ่งมีชีวิต”
การรับรู้
ที่ตอบสนองสัมผัส ของดลและแดน ถูกตีความผ่านสิ่งเคลื่อนไหวที่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตของดลและแดน ในขณะที่มีโลกทัศน์ที่แตกต่างกันด้วยทักษะการควบคุมมือ
ร่องรอย ที่เชื่อมโยงความรู้สึกในโลกใบเดียวกันแต่ต่างกันที่ประสบการณ์สัมผัส“มหัศจรรย์แปลงร่าง”
เป็นอีกกระบวนที่เริ่มต้นด้วยการเลือกลงสีพื้นบนเฟรมไม้หลากหลายสีตามใจนึกไว้หลายๆเฟรม แล้วเด็กๆเลือกถ่ายทอดความประทับใจแบบไม่รีรอ เมื่อวงจรผีเสื้อ เป็นประสบการณ์เล่าเรื่อง ชีวิตที่คืบคลานและโบยบิน เช่น ผีเสื้อ เส้นสายและลายฝีแปรง สำแดงรอยประทับแบบฉับไว ดลเล่าเรื่องปะติดปะต่อไว้ในแต่ละเฟรมให้ ลื่นไหลและหลากหลาย จากนั้นพ่อจะค่อยๆตีความ เลือกภาพจัดลำดับ ให้เรื่องเล่าประทับใจของดล ส่งผ่านลีลาเส้นสาย ตวัดฝีแปรงให้เต็ม
..................................................................................................................................
“ต้นไม้ผีเสื้อ”
โดยบังเอิญบนม้วนผ้าใบผืนใหญ่ ที่กางวางแผ่บนพื้นห้อง
ดลมาเห็นอยากกลิ้งเกลือกนอนเล่นไปมา กลิ้งไปกลิ้งมา
นึกอยากวาดเล่นบนผ้าใบด้วยเส้นปากกา ภาพต้นไม้ใหญ่กลางผืนผ้า
ตามมาด้วยผีเสื้อเกาะบิน เวียนว่อน
แถมบึงน้ำบ่อ ป.ปลา อยู่เคียงข้าง แต่ดลดูยังไง...ก็ยังรู้สึกเหงาหงอย พ่อพออ่านความฝันในใจดลออก จินตนาการต้นไม้ ให้สมหวังควรเป็นเช่นไร...
.........................................................................................................................
“พยูน”
เมื่อดลเริ่มขยายความสนใจในรูปแบบชีวิตที่แตกต่างออกไป
สรรพสัตว์ที่รู้จักมากมายหลายรูปแบบถูกถ่ายทอดด้วยเส้นสายทับซ้อนไปมาอยู่หลายวัน
จนมาถึงพะยูนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มิใช่ปลาแถมพิสดารประหลาดล้ำมีชีวิตอยู่ใต้น้ำชอบหญ้าทะเล แต่พะยูนใกล้สูญพันธ์แล้ว
ดลแดนเห็นพะยูนได้ก็แค่ตัวสต้าฟแห้งกับโครงกระดูกที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน
พะยูนอาจเป็นได้แค่ ร่องรอยในความทรงจำที่ต้องจินตนาการจากโครงกระดูกถ้าหากอยากรู้จักพะยูนให้มากกว่านี้..................................................................................................
"กรรมะ"
สำหรับดลในวัยหกขวบ แม้ยังไม่ประสีประสากับเรื่องราวธรรมะ
แต่ก็ได้พบพานโดยตรงจากธรรมชาติ เมื่อดลเจอไข่กบและเฝ้าดูวงจรชีวิตจากลูกอ็อดแปลงกายมาเป็นกบ พร้อมเรียนรู้แมลงปอ ตอนวัยอ่อนอยู่ในน้ำมีฉายานักล่าทั้งใต้น้ำกลางอากาศ แต่วงจรชีวิตของสัตว์ทั้งสองผูกพันกันด้วยกรรมซึ่งเป็นผลของการกระทำ
เมื่อครั้งกบตอนโตเคยกระโดดงับแมลงปอกิน หารู้ไม่ว่าวัยเด็กตอนที่เป็นลูกอ็อด
ก็เคยถูกบรรดาตัวอ่อนแมลงปอไล่งับกินอยู่ใต้น้ำ ปรากฏการณ์กรรมะที่ดลสัมผัส
น้ำตกห้วยยาง
น้ำตกห้วยยางแหล่งเรียนรู้แห่งแรกๆที่ดลรู้จัก
ครั้งนั้นในวันที่ฝนตกพรำ ดลมีเสื้อกันฝนใส่และเดินย่ำฝ่าเม็ดฝน ลัดเลาะขึ้นไป
ผ่านแก่งหิน ก้อนโต เป็นระยะๆ ท่ามกลางกระแสน้ำไหลหลากจากภูเขา ต้นยางต้นใหญ่ที่อาศัยพักพิงของเหล่าชีวิตน้อยใหญ่ให้ดลทักทาย
รวมถึงกระสุนพระอินทร์ ชีวิตแปลกใหม่คล้ายกิ้งกือแต่หดตัวเป็นเม็ดกลมๆ ดลกลับมาละเลงสี จากความรู้จักพร้อมบรรยากาศภาพประทับ
พ่อเห็น ดลเห็น เป็นเช่นนั้น เหล่าชีวิตที่คุ้ยเคยจึงถูกเพิ่มเติมโดยพ่อ เหมือนเชี่อมโยงภาพประทับให้เป็นจริง