วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

บ้านนาบ้านเรียน


บ้านนาบ้านเรียนเป็นประสบการณ์สำคัญที่เด็กๆกลุ่มครอบครัวควบกล้ำธรรมชาติได้จดจำประทับรอยเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ผ่านมาแล้วสามถึงสี่ปี ยิ้มบ้านนาจึงปรากฏตัวเสมอในวงสนทนาทั้งพ่อแม่และเด็กๆ แต่เวลาที่เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เราต่างพบประสบกับความเปลี่ยนแปลงทั้งใกล้และไกลตัว เมื่อกลุ่มเด็กๆที่กำลังก้าวย่างเข้าสู่วัยรุ่นต่างก็มีพัฒนาการความสนใจที่เริ่มแตกต่างกันออกไป ทุ่งนา บ่อโคลน บึงน้ำ กบ เขียด ตั๊กแตน แมลงปอและสรรพชีวิตที่เด็กๆคุ้นเคย อาจกลายเป็นความทรงจำที่ฝังลึก ภาพโรงนาหลังคามุงจากขนาดใหญ่กว่าศาลา เคยเป็นมากกว่าบ้านเรียนสำหรับเด็กๆ เป็นจุดร่วมใจที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันทุกๆอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เป็นพื้นที่พักพิงสำหรับสารพัดกิจกรรมที่เราได้เรียนรู้สัมผัสธรรมชาติ
คบผู้ใหญ่สร้างบ้าน
เมื่อพื้นที่เรียนรู้ของเด็กๆคือการละเล่นและลงมือทำ ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ของเด็กๆ จึงเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่ น้าเกรียงจึงชักชวนพ่อแม่และเด็กๆ มาช่วยกันพัฒนาพื้นที่ทุ่งนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้นาข้าวกับธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่อำเภอบ้านนา จ.นครนายก จากพื้นที่แปลงนาข้าวสองไร่กว่าๆ ที่น้าเกรียงขอตัดแบ่งจากน้าแป๊ดเจ้าของนาหว่านที่ปลูกข้าวทำนามาแต่ดั้งเดิม และคาดหวังกันว่าจะได้เรียนรู้วิธีการทำนาจากแปลงนาข้าวของน้าแป๊ดคู่ขนานไปด้วย แต่สำคัญตรงที่เริ่มต้นต้องสร้างศาลาที่พักหลบแดดหลบฝนเสียก่อน
โรงนาร่วมใจ
โรงนาหลังคามุมจากด้วยประสบการณ์ใหม่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตกลงปลงใจกันว่าจะร่วมใจกันสร้างโดยไม่ต้องอาศัยช่างผู้ชำนาญหรือแรงงานว่าจ้างทุกชนิด ช่วยกันถามไถ่ผู้รู้ผู้มีประสบการณ์และลองผิดลองถูกกันไป เป็นกิจกรรมเรียนรู้ทักษะชีวิตที่ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ธรรมชาติจากนาข้าว เริ่มต้นวัดระยะ วางจุด ขุดหลุมเทปูนและตั้งเสาด้วยเสาไม้ยูคาฯขนาดกลางทีมี่นำ้หนักไม่มากนักเพื่อให้งานประเภท ขน ยก แบก หาม และ ขึ้นคาน ไม่เป็นอุปสรรคมากนักสำหรับแรงงานมือใหม่ เด็กๆช่วยกันทำงานผ่านประสบการณ์ทุกขั้นตอน ยกเว้นงานเกินขีดความสามารถที่มีความเสี่ยงเช่น ขึ้นคาน พาดเสา มุงหลังคาจาก ซึ่งพ่อแม่ต้องปีนป่ายขึ้นที่สูง เรียนรู้วิธีวางเรียงมุงจากและมัดจากอย่างถูกวิธี ด้วยโครงสร้างหกเสาพาดคานตีคร่าวหลังคาจั่ว ตรงไหนอ่อนหย่อนไปไม่แข็งแรงก็จะเสริมเพิ่มไม้จนเพื่อนบ้านเย้ากันเล่นๆว่าจะเป็นศาลาร้อยต้น โรงนาจึงสำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างตามแบบฉบับเฉพาะตัว โรงนาขนาด ๕ คูณ ๑๐ เมตร ศาลาขนาดใหญ่มีหลังคามุงจากยกพื้นด้วยไม้ลวกมีชั้นลอยสำหรับพักนอนค้างคืน เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่ตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา
นาหว่านที่บ้านนา
"น้าแป๊ด" คุณครูนาข้าวทำนาหว่านปีละหนจะกำหนดเวลาตามช่วงจังหวะที่ฝนทิ้งระยะได้พอดีกับเมล็ดพันธ์ที่หว่านให้แทงรากงอกต้นกล้าเผื่อเวลาให้โตแข็งแรงชูต้นพ้นเหนือน้ำในช่วงเวลาหน้าฝนชุก  เด็กๆ จะหว่านข้าวตามกรรมวิธีพร้อมคุณครู แล้วคอยดูมิให้ต้นกล้าจมน้ำจนต้นข้าวเติบใหญ่โดยมิต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมี และเมื่อข้าวตั้งท้องออกรวง ถึงเวลาต้องใช้เคียวเกี่ยวข้าว ตากข้าว และฟาดข้าวจนได้ผลเก็บเกี่ยวมาเป็นข้าวชาวบ้านนา เห็นคุณค่าข้าวทุกเมล็ดล้วนสำคัญ

            ช่วงเวลาสามถึงสี่ปีที่เราได้ใช้เวลาลงมือละเล่นเรียนรู้ร่วมกันที่บ้านนาไม่เฉพาะโรงนาที่สร้างกันมากับมือ นาข้าวสีเขียวที่คุ้นเคยกลิ่นโคลนกับบรรยากาศเสียงนกร้องก้องท้องทุ่ง ได้จับปลาหากบเขียดลงเล่นโคลนเป็นของแถม ถึงวันนี้โรงนาร่วมใจกำลังจะหมดอายุขัยและเด็กๆกลุ่มครอบครัวฯกำลังจะโตเป็นหนุ่ม แต่น้าเกรียงกำลังเริ่มสร้างอาคารถาวรด้วยตัวเองเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติในอนาคตที่บ้านนา เตรียมไว้สำหรับเมล็ดพันธ์รุ่นใหม่อีกต่อไป

บ้านนาตอนเริ่มต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น